ทั่วโลกผวา 'โอไมครอน' หลายประเทศพบผู้ติดเชื้อ ผู้ผลิตวัคซีนเร่งศึกษาวัคซีนต้าน

ต่างประเทศ

ทั่วโลกผวา 'โอไมครอน' หลายประเทศพบผู้ติดเชื้อ ผู้ผลิตวัคซีนเร่งศึกษาวัคซีนต้าน

โดย passamon_a

28 พ.ย. 2564

570 views

ความคืบหน้า โควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ โอไมครอน (Omicron) ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล หลายประเทศสั่งระงับเที่ยวบินที่เดินทางมาจากทางตอนใต้ของแอฟริกา เพื่อสกัดการแพร่ระบาด และมีรายงานพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนแล้วในหลายประเทศ


เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ออกมายืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน 2 คน ในเมือง เอสเซกซ์ และน็อตติงฮิลส์ นายกรรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ ออกแถลงทางโทรทัศน์ ประกาศใช้มาตรการคุมเข้ม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่ทันที โดยจะกลับไปใช้มาตรการเดิม คือให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เวลาเข้าร้านค้าและใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า เป็นต้นไป


นอกจากนี้ ยังระบุให้ผู้โดยสารทุกคน ทั้งที่เป็นพลเรือนชาวอังกฤษ และชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาถึงอังกฤษ ต้องแยกกักตัว เพื่อรอผลการตรวจเชื้อ แบบ PCR ว่ามีผลเป็นลบ ก่อนจะอนุญาติให้เข้าประเทศได้ แม้ว่าจะฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อกลายพันธุ์ใหม่


บอริส จอห์นสัน ให้คำมั่น จะปกป้องความหวังชาวอังกฤษ ที่จะได้ฉลองเทศกาลคริสต์มาส ได้ดีกว่าเมื่อปีที่แล้ว ที่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด อย่างเข้มงวด


จนถึงขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว ในหลายประเทศ หลังจากพบเชื้อครั้งแรกในแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้แก่ บอตสวานา, ฮ่องกง, อิสราเอล, เยอรมนี 2 คน ที่เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้, อิตาลี 1 คน เดินทางกลับมาจากโมซัมบิก, สาธารณรัฐเช็ก อีก 1 คน เดินทางกลับมาจากนามิเบีย โดยมีการเปลี่ยนเครื่องบินที่แอฟริกาใต้ และดูไบ


ขณะที่ เนเธอรแลนด์ พบผู้ติดเชื้อโควิด 61 คน จากผู้โดยสาร 600 คน บน 2 เที่ยวบิน ที่เดินทางมาจากนครโจฮันเนสเบิร์ก มายังกรุงอัมสเตอร์ดัม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าเป็นเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน หรือไม่


จากการพบเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งองค์การอนามัยโลก ระบุว่าเป็นเชื้อที่น่าวิตกกังวล ทำให้หลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรป สั่งระงับเที่ยวบินที่เดินทางมาจากทางตอนใต้ของแอฟริกา ได้แก่ แอฟริกาใต้, บอตสวานา, เอสวาตินี, เลโซโท, นามิเบีย และซิมบับเว เพื่อสกัดการแพร่ระบาด


ขณะที่ อิสราเอล ซึ่งพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนแล้ว ได้ออกมาตรการเข้มงวด ด้วยการห้ามผู้เดินทางไม่ใช่พลเรือนอิสราเอลทุกคน เข้าประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และกักตัวพลเรือนชาวอิสราเอล ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ อย่างน้อย 3 วัน เมื่อเดินทางมาถึงอิสราเอลด้วย


ขณะที่เกาหลีใต้ และไทย, สหรัฐฯ, บราซิล, แคนาดา, ซาอุดิอาระเบีย ก็ได้มีคำสั่งห้ามเที่ยวบิน จาก 8 ประเทศของแอฟริกา เข้าประเทศด้วยเช่นกัน


ด้าน กระทรวงต่างประเทศของแอฟริกาใต้ ได้ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เกี่ยวกับการระงับเที่ยวบินจากแอฟริกาใต้ ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยระบุว่า ไม่เป็นธรรม และไม่สอดคล้องกับแนวทางขององค์การอนามัยโลก ที่ยังคงเน้นว่ายังต้องใช้เวลาในการศึกษาเชื้อกลายพันธุ์นี้ อีกหลายสัปดาห์


การออกมาตรการห้ามเดินทางดังกล่าว เหมือนเป็นการลงโทษ แทนที่จะชื่นชม งานด้านวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจพบเชื้อกลายพันธุ์ใหม่ได้


ทั้งนี้ มีรายงานผู้โดยสารตามสนามบินต่าง ๆ ในแอฟริกาใต้ เริ่มตกค้าง หลังไม่สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ หลังหลายประเทศสั่งห้ามผู้เดินทางจากแอฟริกาใต้เข้าประเทศ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโอไมครอน ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ในขณะเดียวกัน ยังมีผู้โดยสารจำนวนมาก ที่พยายามเดินทางออกจากแอฟริกาใต้ ก่อนที่มาตรการห้ามการเดินทางในหลายประเทศจะเริ่มบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า


แม้ว่า สหรัฐฯ จะเป็นหนึ่งในประเทศที่สั่งห้ามนักเดินทางจากแอฟริกาใต้เข้าประเทศ แต่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ชื่นชม นักวิทยาศาสตร์แอฟริกาใต้ที่สามารถบ่งชี้เชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน อย่างรวดเร็ว รวมทั้งชื่นชมรัฐบาลแอฟริกาใต้ แบ่งปันข้อมูลให้กับโลกได้รับทราบ อย่างโปร่งใส ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นต้นแบบของโลก เลยก็ว่าได้


ด้านผู้ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรในการจัดส่งวัคซีน สหภาพแอฟริกา ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจาก ความล้มเหลวของโลก ในการฉีดวัคซีนอย่างเท่าเทียม, เร่งด่วน และรวดเร็ว และเป็นผลมาจากการกักตุนวัคซีน จากประเทศที่ร่ำรวยของโลก


ขณะที่ บรรดาผู้ผลิควัคซีนต้านโควิด-19 ออกมาประกาศว่า กำลังเร่งศึกษา ว่าวัคซีนแต่ละชนิด สามารถป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ได้หรือไม่


ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด ระบุุว่า อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อดูว่าจะต้องมีการปรับสูตรวัคซีนหรือไม่ และถ้าหากต้องปรับสูตร ก็จะสามารถผลิตและจัดส่งวัคซีนสูตรใหม่ได้ทันที ภายในระยะเวลา 100 วัน


ขณะที่ โมเดอร์นา ของสหรัฐฯ แถลงว่า กำลังทำการวิจัยว่า ผู้ทดสอบวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็ม 3 ของโมเดอร์นา จะสามารถต่อต้านโควิดกลายพันธุ์นี้ได้มากน้อยแค่ไหน และโมเดอร์นายังจะพัฒนาตัวยาเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับเชื้อสายพันธุ์นี้ด้วย


เช่นเดียวกับ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ก็กำลังทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนที่มีอยู่ ว่าสามารถต้านโควิดโอไมครอน ได้หรือไม่


ส่วน บริษัท แอสตราเซเนกา ที่ร่วมพัฒนาวัคซีน กับมหาวิทยาลัย อ๊อกซ์ฟอร์ด ของอังกฤษ ระบุว่า ขณะนี้กำลังศึกษาและพัฒนาวัคซีนว่า สามารถตอบสนองและรับมือการกลายพันธุ์ครั้งใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน


ส่วน โนวาแวกซ์ อิงค์ ผู้ผลิตวัคซีนในสหรัฐฯ ระบุว่า ได้เริ่มเตรียมพัฒนาวัคซีนต้านโควิด ที่มุ่งเป้าในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้แล้ว ซึ่งจะมีวัคซีนพร้อมสำหรับการทดสอบ และผลิตออกมาได้ ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/PbbF897CyQo


แท็กที่เกี่ยวข้อง  โอไมครอน ,โควิดโอไมครอน

คุณอาจสนใจ

Related News