รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องระบบเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา และขณะนี้ กกต. ได้ยกร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะแก้ไขให้สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนกรับฟังความเห็น

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญเมื่อมีการเสนอร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เข้าสู่รัฐสภาแล้ว รัฐสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน หรือ 6 เดือน โดยเมื่อแก้ไขเสร็จแล้ว ตามมารยาททางการเมือง รัฐบาลควรต้องยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งตามกติกาใหม่ หากไม่ยุบก็ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าแก้ไขระบบเลือกตั้งไปเพื่ออะไร เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งเมื่อปี 2554

เพราะสมัยรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วมีการประกาศยุบสภาทันที ถือเป็นบรรทัดฐานทางการเมือง และหากเทียบระยะเวลาก็พอดีกัน รัฐธรรมนูญปี2550 มีการแก้ไขในปี 2554 ส่วนรัฐธรรมนูญปี 2560 มีการแก้ไขในปี 2564 นอกจากนี้ภาวะการเมืองในปี 2554 ก็มีลักษณะคล้ายกัน มีการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาล ยุบสภา /ลาออก เหมือนกัน และหากเทียบกันแล้วระบบเลือกตั้งที่แก้ไขสมัยปี 2554 ถือได้ว่าแก้ไขน้อยกว่าปี 2564 ด้วยซ้ำ เพราะการแก้ครั้งนี้ ถือเป็นการแก้เพื่อเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ดังนั้นเหมื่อเปลี่ยนระบบแล้วก็ควรยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่ากระบวนการที่รับบาลจะยื้อกฎหมายเลือกตั้งได้ตอนนี้คือการยื้อก่อนที่จะเสนอกฎหมายเข้ารัฐสภา เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ แต่เมื่อเข้ารัฐสภาแล้วกระบวนการจะแล้วเสร็จภายใน 180 วัน แต่หากรัฐบาลใช้วิธีนั้นเชื่อว่าแรงกดดันก็จะเพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลควรเสนอร่างกฎหมายเลือกตั้ง และยุบสภาให้แล้วเสร็จก่อนเดือนสิงหาคม ปี2565 ก่อนที่จะมีปัญหา เรื่องวาระ 8ปี นายกรัฐมนตรีหรือไม่ รศ.ดร.เจษฎ์ มองว่า เรื่องนี้สำหรับรัฐบาลอาจจะไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา เพราะคงมั่นใจว่าการนับระยะเวลาเป็นนายกรัฐมนตรี ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นไม่ได้นับจากปี 2557 แน่นอน