ป้าข้างบ้านสงสัย แอบถ่ายภาพพระสร้างบ้านอยู่กับสีกาลงโซเชียล สุดท้ายพบเป็นบ้านน้องสาวแท้ๆ

สังคม

ป้าข้างบ้านสงสัย แอบถ่ายภาพพระสร้างบ้านอยู่กับสีกาลงโซเชียล สุดท้ายพบเป็นบ้านน้องสาวแท้ๆ

โดย weerawit_c

11 พ.ย. 2564

6.5K views

เจ้าคณะจังหวัดสงขลาตรวจสอบพระกำลังสร้างบ้านอยู่กับสีกา หลังป้าข้างบ้านสงสัยแอบถ่ายภาพลงโซเชียล สุดท้ายเป็นบ้านน้องสาวกำลังสร้าง


จากกรณีเพจ 'อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1' ได้โพสต์ภาพพระรูปหนึ่ง ซึ่งมีการส่งต่อมาจากชาวบ้านได้มีการถ่ายเอาไว้ พร้อมระบุข้อความว่า ใส่สบงแล้วทรงมาปลูกบ้านอยู่กับสีกา ได้อ่ออ เจ้าคณะอำเภอ จว.สงขลา ตรวจสอบหน่อยย พิกัด หมู่1 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พระมาสร้างบ้านพักส่วนตัวอยู่แถวบ้านเรา มากับสีกาทุกวัน โดยใช้รถยนต์ บางครั้งมานอนพักอาศัยตอนกลางคืนด้วย เห็นแล้วเสื่อมความศรัทธา



ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมกับนายพันธกานต์ รัชณรงค์ ปลัดอำเภอชุดปฏิบัติการพิเศษหน่วยเคลื่อนที่เร็ว และกำลังพลเจ้าหน้าที่ อส. จำนวน 4 นาย ก่อนประสานผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลทุ่งตำเสา ได้เดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุบริเวณซอย 3 บ้านควนทอง ตำบลทุ่งตำเสา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พบเป็นบ้านลักษณะชั้นเดียว กว้างประมาณ 7 เมตร ลึก 25 เมตร หลังคามุงกระเบื้อง กำแพงก่อด้วยอิฐทาสีขาว ประตูเหล็กแบบยืด ตรวจสอบพบว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านและล็อคประตูบ้านไว้เหมือนออกไปทำธุระนอกบ้าน



จากการสอบถาม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลทุ่งตำเสา เปิดเผยว่า หลังรับเรืองจึงได้ตรวจสอบพบเป็นบ้านของ นางสาวณิชกานต์ ตุ้งโรจน์ อายุ 54 ปี ส่วนพระที่มาที่บ้านหลังนี้คือ พระมหาสุภักดิ์ ตุ้งโรจน์ อายุ 68 พรรษา มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเจ้าของบ้าน


จากการสังเกตโดยรอบพบว่าจุดที่มีการถ่ายภาพพระเอาไว้ได้นั้น พบเป็นบ้านข้างๆที่อยู่ตรงปากทางเข้ามาในซอยห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ ประมาณ 50 เมตร ลักษณะมีสนามหญ้า มีรั้วลวดหนามขึงอยู่และมีป้าคนหนึงยืนถือร่ม ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินไปสอบถามพูดคุยที่มาที่ไปของพระรูปดังกล่าว



จากการสอบถาม ป้าบ้านข้างๆ บ้าน ได้เล่าว่า ตนไม่รู้จักว่าเป็นใครมาจากไหน รู้เพียงแต่ว่าชื่อ เพ็ญ ไม่ได้เป็นคนในพื้นที่ รู้แต่เพียงว่าอยู่คลองแห ถ้าอยากรู้อะไรให้ไปถามพี่แดง เพราะไม่รู้คนที่ไหน ตนไม่ค่อยถาม มีบางคืนพระได้ค้างคืนที่บ้านหลังนี้ พอช่วงเวลา 6 โมงเช้า ตนได้เดินมาปิดไฟบ้านลูก ตนหันไปเห็นพระกำลังเดินออกมาจากบ้านพอเห็นตนพระก็ได้เดินกลับเข้าไปในบ้าน จากนั้นตนได้เดินไปบอกลูกว่า ทำไมพระค้างคืนที่นี่ได้ด้วยหรอลูก ลูกก็ตอบว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน โดยปกติตนจะเป็นคนนอนตื่นเช้าแล้วก็ไปใส่บาตรก็เลยเห็นและมาอยู่แบบนี้นานแล้ว ตั้งแต่ช่วงเริ่มสร้างบ้านใหม่ๆ บางครั้งก็จะเห็นมีรถยนต์เก๋งจอดอยู่หน้าบ้าน ถ้าหากไม่มีรถยนต์จอดหน้าบ้านก็จะไม่นอนค้าง แต่ถ้ามีรถยนต์จอดอยู่หน้าบ้านก็จะนอนค้าง แต่ตนไม่เคยถามนะ



ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า พระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยพระอุทัยธรรมธาดา เจ้าคณะอำเภอหาดใหญ่ และคณะพระผู้ใหญ่ หลังจากที่ทราบข่าวจากสื่อออนไลน์ ได้นิมนต์พระมหาสุภักดิ์ไปทำการสอบข้อเท็จจริงที่วัดโคกสมานคุณ อำเภอหาดใหญ่ว่า พระมหาสุภักดิ์ ธมมรกชิโต เบื้องต้นเป็นพระสังกัดวัดเอี่ยมวรนุช กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมาพักอาศัยอยู่ที่วัดคลองเรียน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้ 2 พรรษา ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2562 เบื้องตันพระรูปดังกล่าวมิใช่เป็นเจ้าคณะอำเภอตามที่ข่าวลง ท่านแจ้งว่าบ้านที่ตกเป็นข่าวเป็นบ้านของน้องสาวของท่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นน้องสาวพ่อแม่เดียวกันจริง



เจ้าคณะจังหวัดสงขลา จึงได้ว่ากล่าวตักเตือน และห้ามมิให้ไปพักอาศัยที่บ้านหลังดังกล่าวอีก โดยมอบพระมหาสันชัย ฐิตเมโธ เจ้าอาวาสวัดคลองเรียน ให้กำชับดูแลต่อไป โดยให้ไปเยี่ยมญาติ หรือน้องสาวให้เป็นกิจลักษณะประเด็นที่สอง ได้นิมนให้กลับวัดต้นสังกัดก่อน โดยท่านรับปากจะเดินทางกลับไปยังวัดศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นวัดที่ท่านเคยพักอาศัยมาก่อน และไม่มีเหตุจำเป็นอันสมควรที่พระภิกษุสงฆ์จะต้องไปยังบ้านหลังนี้ ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาในพื้นที่ให้พักอาศัยยังวัดใกล้เคียง โดยแจ้งเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่ให้ทราบก่อน เจ้าคณะจังหวัดสงขลา จะได้รายงาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต่อไป



ทางด้านพระมหาสุภักดิ์ ได้เปิดเผย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ญาติโยมคงเข้าใจผิดและน่าจะคิดว่าบ้านนี้เป็นใคร คือบ้านของใคร แต่ช่วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ เจ้าคณะสงฆ์ โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดคลองเรียน เค้ารู้ที่อาตมาไปบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของน้องสาวแค่นั้นเอง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น อาตมารู้สึกเฉยๆ เพราะว่าไม่ได้ทำผิดอะไร เอาเป็นว่าสรุปเป็น บ้านของน้องสาวซึ่งยังสร้างบ้านไม่เสร็จแค่นั้นเอง



อย่างไรก็ตาม เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นอยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจสำหรับใครหลายๆคน ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงควรจะตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดถูกต้อง หรือ เดินเข้าไปพูดคุยทำความรู้จักกับคนในบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในอนาคตโดยเฉพาะโลกโซเชียล



คุณอาจสนใจ

Related News