กลุ่ม G20 ซึ่งประกอบด้วยประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 8 ชาติ ประเทศระบบเศรษฐกิจเกิดใหม่ 11 ประเทศ และกลุ่มสหภาพยุโรป จะร่วมประชุมสุดยอด เพื่อหารือกันตั้งแต่เรื่องวิกฤตสุขภาพ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ผู้นำกลุ่ม G20 ทะยอยเดินทางถึงกรุงโรม ประเทศอิตาลีตั้งแต่เมื่อวานนี้ การประชุมจะมีขึ้นเป็นเวลา 2 วัน คือวันนี้และพรุ่งนี้ (30-31 ต.ค. 64) ที่ศูนย์ประชุมโรม "ลา นูโวล่า" อิตาลีระดมกำลังทั้งตำรวจและทหารกว่า 6 พันนาย คุมเข้มความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ผู้นำกลุ่ม G20 ส่วนใหญ่ได้เดินทางมาประชุมด้วยตัวเอง หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในหลายประเทศคลี่คลายลง

วาระสำคัญในการประชุมมีตั้งแต่เรื่องวิกฤตสุขภาพ, การหารือกันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมไปถึงการหาทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนการช่วยเหลือประเทศยากจนที่กำลังเผชิญกับปัญหาโลกร้อน

ซึ่งประเด็นสุดท้ายนี้จะเป็นการปูทางไปสู่การกำหนดรายละเอียดแผนปฏิบัติการต่อไปสำหรับการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ หรือ COP 26 ที่เมืองกลาสโกว์ แคว้นสก็อตแลนด์ ซึ่งจะมีขึ้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปจนถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน

การประชุมนี้จะมีตัวแทนจากประเทศต่างๆเกือบ 200 ประเทศ-ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เป็นประเด็นที่ผู้นำโลกหลายคนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะผู้นำอังกฤษ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ถึงกับเตือนว่า ปัญหานี้จะทำให้อารยธรรมโลกล่มสลายอย่างรวดเร็วเหมือนกับอาณาจักรโรมัน หากเรายังไม่รีบ

ขณะที่อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นที่นครวาติกันเมื่อวานนี้ คือประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯเดินทางเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตาปาปาฟรานซิส รายงานระบุว่า เป็นการพบปะกันที่นานที่สุดคือ 75 นาที

สมเด็จพระสันตะปาปาทรงหารือกับประธานาธิบดีไบเดน ในหลายเรื่องตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19, เรื่องความยากจน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ-ประธานาธิบดีไบเดน ยังได้ถวายของที่ระลึกให้สมเด็จพระสันตะปาปาด้วยเป็นเหรียญสำหรับนักรบและผู้นำ ซึ่งไบเดนกล่าวว่า สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเป็นนักรบแห่งสันติภาพ อย่างแท้จริง เท่าที่เขาได้เคยพบมา