สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากกรณีการเสียชีวิตของโคลิน พาวเวลล์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ วัย 84 ปี ซึ่งเขาได้รับวัคซีนครบแล้ว ได้กลายเป็นประเด็นพูดถึงกันในสหรัฐฯ ว่า

ประชากรสูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันก็ยังคงมีความเสี่ยง อาการรุนแรงแม้ว่าจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม

โดยทางด้าน สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐ หรือ ซีดีซี ระบุว่าถึงขณะนี้พบเคสติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนกว่า 31,895 รายในอเมริกา ในนั้นเสียชีวิตกว่า 7,700 คน ส่วนใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป

ซีดีซี ระบุว่าได้รับรายงานเคสฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อ 31,895 ราย โดยมี 24,717 รายถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ในนั้น 16,509 รายอายุ 65 ปีขึ้นไป ขณะที่เคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ติดเชื้อเสียชีวิต อยู่ที่ 7,718 ราย ในนั้น 6,104 ราย อายุ 65 ปีขึ้นไป

สำหรับกรณีผู้รับวัคซีน แต่ยังติดเชื้อนั้น เป็นสิ่งที่คาดหมายไว้แล้ว เนื่องจากไม่มีวัคซีนตัวใดมีประสิทธิภาพ 100% อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยืนยันว่าวัคซีนโควิด-19 ยังคงมอบการปกป้องที่ดีที่สุดต่อการติดเชื้ออาการรุนแรงและเสียชีวิต จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

เจ้าหน้าที่ของซีดีซีเผยว่า เวลานี้กำลังมีการศึกษาต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อ และปัจจัยเอื้อต่างๆ เช่น อายุ โรคประจำตัว ยี่ห้อของวัคซีน และตัวกลายพันธุ์โควิด-19

ทั้งนี้ ในวารสารการแพทย์ The Lancet ฉบับเดือนกันยายน 2021 รายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่อ่อนแอต่อเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อโควิด-19 อาการรุนแรงมากที่สุด

โดยจากการวิจัยพบว่า เคสติดเชื้อหลังได้รับวัคซีนระหว่างเดือนมีนาคม พบว่า ในหมู่เคสอาการวิกฤตมากที่สุดมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 80 ปี และมีโนวแน้มว่าจะมีโรคประจำตัวมาก่อน เช่น โรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคปอด และโรคเบาหวานชนิดที่ 2