วานนี้ (20 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน้ำท่วมในจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าขั้นวิกฤตแล้ว เนื่องจากจังหวัดสุพรรณบุรีรับน้ำทั้ง 3 ด้าน ทำให้ระดับแม่น้ำท่าจีนสูงขึ้น การระบายน้ำออกจากแม่น้ำท่าจีน ระบายออกได้แค่ 40 เปอร์เซนต์ จากที่รับน้ำเข้าเกิน 100 เปอร์เซนต์

จึงต้องระดมกำลังป้องตัวเมืองสุพรรณบุรีที่เป็นเมืองเศรษฐกิจ อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งขอรับการสนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือจากศูนย์ ปภ.เขต 9 จังหวัดพิษณุโลก นำเครื่องสูบน้ำ และรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย มาช่วยป้องกันเขตพื้นที่ อ.เมืองสุพรรณบุรี อย่างเต็มที่

โดยนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมคณะ ร่วมปล่อยขบวนรถบรรทุกเครื่องสูบน้ำจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาเขต 2 สุพรรณบุรี และศูนย์ป้องกันและบรรเทาเขต 9 พิษณุโลก เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เพื่อเร่งหาแนวทางป้องกันน้ำแม่น้ำท่าจีน เข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจในตัวอำเภอต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมืองสุพรรณบุรี มีสถานที่ราชการที่สำคัญหลายแห่ง

นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำท่าจีน มีผู้ป่วยนับพันรายอยู่ภายในโรงพยาบาล จึงต้องมีความจำเป็นหาแนวทางป้องกันอย่างเต็มที่

ล่าสุดทางเขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง จะลดปริมาณระบายน้ำน้ำลงจากเดิม 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะปรับลดลงให้เหลือ 167.75 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนประตูน้ำท่าโบสถ์ ประตูน้ำพลเทพ จ.ชัยนาท จะปรับลดปริมาณน้ำเข้าสู่แม่น้ำท่าจีนลดลงอีก

จะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำท่าจีน จะค่อยๆ ลดลงตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามต้องไม่มีฝนตกลงมาอีก สำหรับปริมาณน้ำ เขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี มีปริมาณน้ำ จำนวน 307 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำในเขื่อนเกิน 100% จึงได้เร่งระบายออก

ซึ่งขณะนี้ ทางจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ประกาศให้ทุกอำเภอเป็นพื้นที่เขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 10 อำเภอ 2 เทศบาล 106 ตำบล 28 ชุมชน 934 หมู่บ้าน 38,004 ครัวเรือน ประชาชนกร 70,620 คน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/CIsatxJYQh8