อังกฤษกำลังจับตามองเชื้อโควิดสายพันธุ์ย่อย ที่กลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีรหัสว่า AY.4.2 หรือ ที่เรียกว่า "เดลตาพลัส" ซึ่งกำลังทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดอังกฤษมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันมากกว่า 4 หมื่นคนต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว

จากตัวเลขทางการล่าสุดชี้ว่า 6% ของผู้ติดเชื้อติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสนี้ โดยล่าสุด อังกฤษพบผู้ติดเชื้อใหม่ที่ 49,139 คน และ 1 วันก่อนหน้านั้น พบผู้ติดเชื้อใหม่ 43,543 คน และเมื่อ 2 วันก่อนหน้าก็พบผู้ติดเชื้อใหม่ที่ 48,820 คน โดยขณะนี้อังกฤษมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 8,589,737 คน

อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์เดลตาพลัส ยังไม่ถือว่าเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล หรือที่เรีกยว่า "วีโอซี" (Variants of Concern - VOC) โดยนักวิทยาศาสตร์กำลังทดลองอยู่ว่าสายพันธุ์นี้จะเป็นอันตรายแค่ไหน

นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า โควิดสายพันธุ์เดลตาพลัส มีการแพร่ระบาดอย่างช้าๆ โดยมีการกลายพันธุ์ที่บริเวณโปรตีนส่วนหนาม ซึ่งทำให้เชื้อไวรัสเกาะเข้ากับเซลล์มนุษย์ ซึ่งถึงตอนนี้ ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเชื้อกลายพันธุ์แพร่ระบาดได้ง่ายกว่า แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญกำลังศึกษาอยู่

ทางด้าน ศาสตราจารย์ฟรองซัว บาลูซ์ จากสถาบันพันธุศาสตร์ ยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน หรือยูซีแอล บอกว่า มีความเป็นไปได้ว่าสายพันธุ์ AY.4.2 จะแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าแต่ก็ไม่มาก

จากตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของอังกฤษ เริ่มกดดันให้รัฐบาล บังคับใช้ “แผนบี” หรือยุทธศาสตร์สำรองทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้อังกฤษเข้าสู่การระบาดรุนแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อฤดูหนาวมาเยือน แต่กระนั้นทางรัฐบาลอังกฤษยืนยันว่ากำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ยังไม่มีการประกาศใช้แผนบี

ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษยังคงสั่งรับมือโควิด-19 ในช่วงฤดูหนาวด้วย “แผนเอ” ซึ่งครอบคลุมการจัดเตรียมวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชนราว 30 ล้านคน และวัคซีนเข็มเดียวสำหรับเยาวชนสุขภาพดีอายุ 12-15 ปี รวมทั้งแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากในที่ที่มีคนแออัด

ส่วน “แผนบี” นั้นจะบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในบางสถานที่ ขอให้ประชาชนทำงานอยู่ที่บ้าน และอาจพิจารณาใช้วัคซีนพาสปอร์ตด้วย