หญิงสาวร้องขอความเป็นธรรม หลังสามีนอกใจ ไปแต่งงานใหม่ ทั้งที่ท้องได้ 3 เดือน หนำซ้ำไม่รับดูแลลูก

สังคม

หญิงสาวร้องขอความเป็นธรรม หลังสามีนอกใจ ไปแต่งงานใหม่ ทั้งที่ท้องได้ 3 เดือน หนำซ้ำไม่รับดูแลลูก

โดย panisa_p

19 ต.ค. 2564

515 views

วันที่ 19 ตุลาคม 2564 นางสาวส้ม (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ชาวขอนแก่น นำเอกสาร ซึ่งเป็นภาพถ่าย สามี ภรรยาและพ่อลูก และภาพแต่งงานของสามีกับหญิงอื่น เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายวัยขวบเศษ และให้สามีส่งเสียเลี้ยงดู


นางสาวส้ม เปิดเผยว่า ตนเคยทำงานในกรุงเทพตอนอายุ 24 ปี ขณะทำงานที่กรุงเทพฯ ได้รู้จักกับ นายถนอม ก่อนที่จะห่างกันไป จากนั้นตนเองก็ไปแต่งงานมีบุตรด้วยกัน 1 คน และเลิกรากันไป จนเมื่อปี 2560 กลับมาเจอนายถนอมอีกครั้ง ซึ่งมารับตำแหน่งผู้อำนวยการสังกัดหนึ่งในพื้นที่ขอนแก่น จึงกลับมาคบกัน


ซึ่งนายถนอม ได้นำทะเบียนหย่ากับภรรยาเก่า มายืนยันตนเองว่าไม่มีพันธะอะไร จึงคบกัน จากนั้นตนเองได้ตั้งครรภ์ แต่ตกลงกันว่าไม่จัดพิธีแต่งงานให้สิ้นเปลือง แค่เข้าใจรักกันก็พอ เมื่อท้องได้ 3 เดือน ก็ได้ซื้อบ้านใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน นายถนอมได้ให้เงินใช้จ่ายเดือนละ 50,000 บาท


นางสาวส้ม กล่าวอีกว่า ช่วงที่ย้ายไปอยู่ในบ้านด้วยกันและท้องได้ 3 เดือนนั้น เริ่มสังเกตได้ว่า สามีเปลี่ยนไป แอบคุยโทรศัพท์ และมักจะไปคอมเม้นต์ใต้โพสต์ของหญิงสาวรายหนึ่ง อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานีอยู่บ่อย ๆ จึงเก็บความสงสัยเอาไว้ ส่วนท้องก็โตขึ้นทุกวัน ความเปลี่ยนแปลงของสามีก็มีมากขึ้น และให้ตนออกจากงานมาอยู่บ้านเฉย ๆ


ตนจึงตัดสินใจสืบค้นความเปลี่ยนแปลงของสามี โดยการค้นหาจากชื่อเพื่อนของสามีในเฟซบุ๊ก และเจอเฟซบุ๊กของหญิงสาวชื่อเจ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี ซึ่งก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่เมื่อค้นรายละเอียดจากเฟซบุ๊กของเพื่อนนางสาวเจ ปรากฏว่า พบภาพงานแต่งของสามีตนกับนางสาวเจ ที่ถ่ายร่วมกับเพื่อน ๆ นับสินคน ซึ่งจัดงานมงคลสมรสในโรงแรมแห่งหนึ่งที่จังหวัดอุดรธานี จึงเก็บภาพดังกล่าวไว้


เมื่อสามีกลับมาที่บ้าน จึงเอาภาพให้ดูพร้อมกับถามว่า ทำไมถึงทำเช่นนี้ สามีตอบว่า จำเป็นต้องแต่ง และก็ไม่พูดอะไรอีก ส่วนตนก็ไม่โวยวาย เพราะกำลังท้อง อดกลั้นใช้ชีวิตอยู่คนเดียว รอจนลูกคลอดออกมา ซึ่งสามีก็เซ็นรับรองบุตรในฐานะบิดา แต่ชีวิตไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะสามีไม่สนใจดูแลและไม่ให้เงินทองเหมือนเดิม


ต่อมา เดือนสิงหาคม 2564 นายถนอมก็ไล่ออกจากบ้าน ไม่ให้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงนำลูกพร้อมของใช้ส่วนตัวออกจากบ้าน กลับมาอยู่ที่บ้านกับมารดาและพี่สาว ส่วนสามีก็ไม่เคยโทรหาและไม่เคยโอนเงินให้ ไม่เคยมาดูแลลูก


"ที่ผ่านมาส้มนิ่งและไม่โวยวาย ส้มตัดสินใจไปหานางสาวเจที่อุดรธานี โดยนัดเจอกัน เพื่อคุยกัน ทำให้ทราบจากนางสาวเจว่า นายถนอมไปคบหา ขอนางสาวเจแต่งงานและได้จัดงานมงคลสมรสดังกล่าวขึ้นในโรงแรมที่อุดรธานี ตามภาพที่เพื่อนนำมาลงในเฟซบุ๊กดังกล่าว โดยนางสาวเจไม่ทราบมาก่อนว่า นายถนอมมีลูกเมียที่ขอนแก่น ซึ่งจากการสังเกตปฏิกิริยาของนางสาวเจก็เชื่อได้ว่าไม่รู้จริง ๆ แต่ในขณะนี้โดยส่วนตัวเชื่อว่า เมื่อนางสาวเจรู้แล้วก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะนายถนอมได้ไล่ตนออกจากบ้าน และไม่ดูแลลูกแล้ว กลายเป็นคนโสดที่พร้อมจะดูแลนางสาวเจเพียงคนเดียว​​" นางสาวส้มกล่าว


นางสาวส้ม กล่าวต่ออีกว่า ได้รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ที่มีปรึกษาทนายความ และนำข้อความที่ถูกนายถนอมต่อ ว่า เข้าแจ้งความให้ตำรวจทำการสืบสวนดำเนินคดีตามกฏหมาย ทั้งยังนำหลักฐาน เดินทางเข้าร้องเรียนกับอธิบดีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมเพื่อขอความเป็นธรรมให้ลูก และต้องการให้นายถนอม มารับผิดชอบ แต่นายถนอม ปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง ซ้ำยังกล่าวหาว่าเป็นลูกชู้ โดยนายถนอม ยืนยันว่าตัวเองเป็นหมั้น มีลูกไม่ได้ ลูกที่เกิดมาจึงเป็นลูกชู้และท้าทายให้พาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ


"ส้มทนไม่ได้ที่พ่อไม่ดูแลลูก จึงออกมาให้ข่าว เพื่อที่นายถนอมจะได้ออกมายอมรับว่าเป็นพ่อของลูก และเลี้ยงดูลูกเหมือนพ่อคนอื่น ๆ เพราะทุกวันนี้ปิดร้านอาหารแล้ว ไม่มีงานทำ จึงไม่มีรายได้มาเลี้ยงลูก รวมถึงฝากถึงนายถนอมว่า อย่าเห็นแก่ตัวลูกตัวเองแท้ ๆ ยังไม่รับผิดชอบเลี้ยงดู"

คุณอาจสนใจ

Related News