“ประวิตร” ยันไม่ได้เป็นกาวใจเชื่อม “ประยุทธ์-ธรรมนัส” บอกยังคุยกันดีอยู่ ขึ้นเสียงใส่ ไม่เคยคุยกับ “คุณหญิงอ้อ” เมินม็อบต้านลงพื้นที่ มาแค่ 10 คน

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสวิพากวิจารณ์การทำงานของ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.ว่า 4 ปีที่ผ่านมาคอนข้างล้มเหลว ว่าไม่ได้ล้มเหลว โดยมีการพัฒนาไปเยอะแล้ว งานวิจัยก็ทำ ส่วนเรื่องน้ำท่วมขึ้นอยู่กับปริมาณฝนที่ตกลงมา และที่กักเก็บน้ำก็ไม่เพียงพอ พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาทำงานไปเยอะมากทั้งประเทศ

ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี วันที่ 20 ต.ค.นี้ จะไปดูเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ทางด้านตะวันตก ว่าจะทำอย่างไร ที่จะผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ไปใช้ด้านตะวันออก เบื้องต้นเขื่อนในพื้นที่ยังรองรับน้ำได้

ส่วนการลงพื้นที่ของตนเองและนายกรัฐมนตรี ทำให้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นหรือไม่ ไม่ทราบ ต้องไปถามประชาชน แต่ประชาชนก็ให้การตอบรับดีกับทุกพรรคการเมือง

เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ไปปักธงพื้นที่ภาคอีสาน จะเป็นผลดีต่อพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขอให้สื่อช่วยตอบหน่อยสิ เพราะตนตอบไม่ได้

พล.อ ประวิตร ยังกล่าวถึงกระแสข่าวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดคุยกับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า อีกครั้ง โดยมีตนเป็นคนกลางที่มูลนิธิป่ารอยต่อ ว่าเรื่องนี้ ใครเป็นคนบอก เพราะตนไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี และร้อยเอกธรรมนัสคุยกัน ตนไม่ได้เป็นคนกลาง พร้อมพูดเสียงเข้มขึ้นว่า “ท่านไม่ได้มีอะไรกันนี่ ท่านก็คุยกันได้อยู่แล้ว ผมจะต้องเป็นคนกลางอะไรละ อุ๊ คุณถามให้มีเรื่องอยู่เรื่อย”

พลเอกประวิตร ยังยืนยันว่า ทุกคนรักกันอยู่แล้วไม่มีอะไร พรรคพลังประชารัฐไม่มีอะไร รักกันดีอยู่แล้ว

ส่วนกระแสข่าวให้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ มาดู ส.ส.ในพื้นที่ กทม. พลเอกประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุยกัน และตนดูเอง ตนดูทุกภาค และเป็นคนตัดสินใจ ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร

สำหรับกรณีการลงพื้นที่ต่างจังหวัด แล้วมีคนออกมาประท้วง จะทำให้เสียโอกาสในการช่วยเหลือประชาชนหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ก็ 10 กว่าคน แล้วคนเป็นหมื่นเป็นแสน จะเอาอะไรละ เขาก็จัดตั้งมา จะไปเกรงกลัวอะไร เพราะผมทำงานได้อยู่แล้ว

ทั้งนี้ ก่อนขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม พลเอกประวิตร ว่าได้มีการคุยกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ กันบ้างหรือไม่ พลเอกประวิตร ได้ขึ้นเสียงใส่ผู้สื่อข่าว พร้อมบอกว่า “ผมไม่เคยคุยกันเลย” ก่อนจะเดินขึ้นรถไปทันที