'ก้าวไกล' โชว์วิสัยทัศน์ ประกาศปักธงอีสาน - 'เพื่อไทย' เปิดธีมประชุมใหญ่ เพื่อชีวิตใหม่ปชช.

เลือกตั้งและการเมือง

'ก้าวไกล' โชว์วิสัยทัศน์ ประกาศปักธงอีสาน - 'เพื่อไทย' เปิดธีมประชุมใหญ่ เพื่อชีวิตใหม่ปชช.

โดย panwilai_c

16 ต.ค. 2564

40 views

ความเคลื่อนไหวการเมืองวันนี้มีความคึกคักทั้งจากการประชุมใหญ่ของพรรคก้าวไกลที่จังหวัดขอนแก่น ประกาศปักธงภาคอีสาน เปิดความฝันวิถีก้าวไกล หวังแก้คำสาปห้ามพัฒนา ขณะที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัว สัญลักษณ์ชื่อพรรคใหม่ ก่อนจะมีการประชุมใหญ่ที่จังหวัดขอนแก่นในปลายเดือนนี้ ภายใต้แคมเปญ พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็ลงพื้นที่ปักธงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงพรรคพลังประชารัฐและพรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่ติดตามน้ำท่วมในกรุงเทพ


การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคก้าวไกล จัดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น ภายใต้ชื่องาน ก้าวไกล ไปนำแหน่ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศัยประกาศ ปักธงภาคอีสาน ที่เห็นว่าที่ผ่านมาเห็นว่ากลายเป็นแผ่นดินต้องคำสาปของการห้ามพัฒนา ซึ่งมาจากปัญหาการขาดเทคโนโลยี รัฐราชการรวมศูนย์ และการมีคนบางกลุ่มได้ประโยชน์จากการแช่แข็งประเทศ เป็นเหมือนเสือนอนกิน จึงประกาศ "วิถีก้าวไกล" ที่พร้อมสู้กับปัญหาทั้ง 3 ระดับ จึงพร้อมเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่ชัยชนะของประชาชน




นอกจากนี้ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลฝ่ายนโยบาย ปราศรัยในเรื่องของ คำสาปห้ามพัฒนา ชะตากรรมที่คนอีสานต้องรับกรรม โดยนำเสนอข้อมูลสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาคอีสาน เช่น 10% ของทารกแรกเกิดมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ , 80% ของแรงงานชาวอีสานไม่มีประกันสังคม และรายได้ต่อหัวที่ต่างจากกรุงเทพถึง 5 เท่า


เนื่องจากภาคอีสานยังเป็นเกษตรกรรม มีจำนวนถึง 64 ล้านไร่ จากพื้นที่เกษตรกรรมทั้งประเทศ 149 ล้านไร่ มีพื้นที่ศักยาพที่จะทำระบบชลประทานได้ถึง 27 ล้านไร่ แต่ตั้งแต่มีกรมชลประทานมา ทำพื้นที่ชลประทานไปได้แค่ 8 ล้านไร่ และยังเป็นพื้นที่ๆ ได้รับงบประมาณด้านชลประทานน้อยที่สุด น้อยกว่าภาคกลางถึง 3 เท่า และมีหนี้ครัวเรือนของภาคอีสานโดยเฉลี่ย เพิ่มขึ้นกว่า 52% ในรอบ 10 ปี


ขณะที่นายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) ของพรรคก้าวไกล ได้นำเสนอแนวนโยบายการพัฒนาภาคอีสาน ซึ่งมีเป้าหมายคือการทำให้รายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว และความยากจนลดลงภายในปี 2575 หรือ "อีสานสองเท่า" จากเฉลี่ย 83,594 บาทต่อคนต่อปี ในปี 2020 เป็น 183,676 บาทต่อคนต่อปี ในปี 2032




พรรคก้าวไกลยังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดขอนแก่น 3 คน นายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น ในอำเภอน้ำพอง, นายอดิศักดิ์ สมบัติคำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 มหาสารคาม, และนางอรนุช ผลภิญโญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ อ.คอนสาร


ขณะที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัวธีมประชุมใหญ่ประจำปีที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคม ที่จังหวัดขอนแก่น ภายใต้หัวข้อ พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทวงคืนคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าวันนี้ กลับคืนสู่คนไทยทุกคน และมีการเปลี่ยนสัญลักษณ์ชื่อพรรคใหม่ ที่เขียนเป็นลายมือ และมีการรณรงค์ให้มีการติดภาพและสโลแกนในโซเซียลมีเดีย และตามสถานที่ต่างๆ เช่นในตัวเมืองขอนแก่นมีการติดป้ายตามรถสาธารณะต่างๆด้วย ถือเป็นการคิกออฟแคมเปญใหม่ของพรรคเพื่อไทย


ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังออนทัวร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังประกาศเปิดตัว นายเมธี อรุณ หรือ เมธี ลาบานูน นักร้องดังวงลาบานูน เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่นราธิวาส ยังเดินสายในจังหวัดปัตตานี ยะลา และสงขลา และกล่าวถึงการแก้กฎหมายเลือกตั้ง ที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุกรอบเวลาไว้ 180 วัน ว่า ต้องยึดตามหลักความเป็นจริง เพราะ รัฐธรรมนูญกำหนดให้การเสนอกฎหมาย ทั้งกฎหมายเลือกตั้ง หรือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เสนอได้ 2 ทาง คือ คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ หรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เสนอ ซึ่งขณะนี้พรรคการเมืองใหญ่เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน


ขณะที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ลงพื้นที่รับฟังปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชุนริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตบางซื่อ-ดุสิต ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมต่อเนื่องของร้อยเอกธรรมนัส ที่ระบุว่าเป็นการลงพื้นที่รับฟังปัญหาเสนอต่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรับมนตรี ในฐานะเป็นประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกำหนดนโยบายของพรรคไปสู่การเลือกตั้ง รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ก็ลงพื้นที่ริมคลองบางกอกน้อย ให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจากน้ำทะเลหนุนสูง มากว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งแม้จะเป็นน้ำท่วมซ้ำซาก แต่เป็นสิ่งที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องมีความจริงจังในการแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน เพราะที่ผ่านมาประชาชนในชุมชนต้องช่วยเหลือกันเองอย่างโดดเดี่ยว ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหม่ของชุมชน แต่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หากมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ

คุณอาจสนใจ

Related News