ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า แก๊งคอลเซนเตอร์หลอกกู้เงินออนไลน์ มิจฉาชีพกลุ่มนี้ถือเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และกำลังปรับเปลี่ยนวิธีการแจ้งความและการทำงานของแต่ละโรงพักทั่วประเทศ ให้สอดคล้องกับปริมาณของเหยื่อคดีอาชญากรรมทางออนไลน์ที่เพิ่มปริมาณขึ้น 

เหยื่อคดีหลอกลวงเงินกู้ออนไลน์ซึ่งเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ตกเป็นผู้เสียหายสูญเงินอย่างต่ำ 5 หมื่นบาทไปจนถึงเกือบ 2 ล้าน ร้องเรียนเพิ่มมากขึ้น และวันนี้ก็ยังมีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกมิจฉาชีพหลอกกู้เงินออนไลน์มีพฤติกรรมเหิมเกรม

เมื่อคดีอาชญากรรมทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุ อาชญากรรมขณะนี้ไม่ใช่มีเพียงปล้นจี้กันบนท้องถนนแล้ว เพราะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสามารถปล้นได้ทุกที่แม้อยู่แต่ในบ้าน และการเข้าถึงตัวคนร้ายก็ยากมากขึ้น เพราะคนร้ายแฝงตัวเป็นผู้อื่น และสืบสอบของตำรวจ ทำได้ตามอำนาจขอบเขตของประเทศตัวเอง แต่คดีทางออนไลน์ มิจฉาชีพก่อเหตุอย่างไร้พรมแดน จนเรียกได้ว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

ขณะนี้ได้ออกแบบการทำงานของตำรวจ ให้สอดคล้องกับอาชญากรรมที่มาในโลกออนไลน์ โดยต้องยอมรับว่า หากตำรวจไม่มีการความชำนาญเฉพาะทางอาจไม่ทันกับคนร้าย โดยเตรียมวางกรอบให้แต่ละโรงพัก มีพนักงานสอบสวนด้านเทคโนโลยี ที่ผ่านการอบรมโดยเฉพาะ ขณะนี้ผ่านการอบรมไป 2 พันคนแล้ว และการรับแจ้งความเตรียมทำให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น เช่น หากเป็นคดีที่ถูกหลอกทางออนไลน์เหมือนกัน ก็ควรรวมเป็นคดีเดียวกัน ร่วมกันสืบจับให้มากขึ้น

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า คดีหลอกลวงทางออนไลน์ ต้องอาศัยความร่วมมือกันหลายองค์กร ทั้งธนาคารต่างๆ และเครือข่ายผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะการบล็อกข้อความหลอกลวง ผู้ให้บริการเครือข่าย แจ้งว่าเป็นเพียงผู้ส่งสาร ที่ไม่สามารถเปิดสารอ่านได้ ซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานกำลังเร่งแก้ไข