ลูกชายออกมาโวย แม่วัย 47 ฉีดวัคซีนสูตรไขว้เข็ม 2 แล้วแพ้วัคซีนจนช็อกเข้า รพ. หมอจ่ายพาราแล้วให้กลับบ้าน สุดท้ายอาการไม่ดีหามส่ง รพ.ที่อุบลราชธานี หมอระบุอาจเดินไม่ได้ 3 เดือนถึง 1 ปี

โดยลูกชายได้โพสต์ภาพแม่ของตัวเอง นอนใส่สายออกซิเจนและสายน้ำเกลืออยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลหัวตะพาน ในสภาพอ่อนเพลียหมดแรง หลังเข้ารับการฉีดวัคซีน และทวงถามความรับผิดชอบกรณีที่เกิดขึ้นกับแม่

พร้อมเล่าว่า หลังจากแม่ไปฉีดวัคซีนเสร็จ ผ่านไป 30 นาที แม่เริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ปวดแขนหน้ามืด ต้องฝืนขับรถกลับบ้านคนเดียว ช่วงเย็นวันเดียวกันมีไข้ หนาวสั่นตัวร้อน จากนั้นตี 2 มีอาการช็อก จึงรีบนำตัวส่ง รพ.หัวตะพาน หมอแค่ให้น้ำเกลือ ไม่ได้ตรวจเช็คอาการใดๆ บอกเป็นไข้ และให้แม่กลับบ้าน เพราะไม่มีเตียง ถ้าอาการไม่ไหวค่อยหอบกันกลับมาใหม่

จากนั้นช่วงกลางวันแม่ช็อกอีก พูดโต้ตอบอะไรไม่ได้เลย หมอบอกช่วงล่างอาจเดินไม่ได้ ต้องใช้เวลา 3 เดือนถึง 1 ปี จึงจะกลับมาเดินได้ปกติ เสียใจมากที่แม่ปกติเป็นคนแข็งแรง แต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้

นายแพทย์ถิรพุทธิ เฉลิมเกียรติสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวตะพาน อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ เปิดเผยว่า กรณีหญิงอายุ 47 ปี ได้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็ม 2 เมื่อวันศุกร์ที่ 17 กันยายน แล้วมีอาการแพ้วัคซีน ญาติพากลับมาที่โรงพยาบาลช่วงตี 1 ของวันที่ 18 กันยายน โดยคนไข้มีอาการอ่อนเพลีย พบแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินให้น้ำเกลือและจ่ายยาพาราเซตามอล ก่อนจะให้กลับบ้าน ซึ่งสาเหตุที่ไม่ให้นอนรอดูอาการเนื่องจากเตียงของโรงพยาบาลเต็ม

ต่อมาเวลา 08.30 น. ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียมาก และเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ตรวจพบอาการผิดปกติทางสมอง จึงได้ส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอำนาจเจริญเพื่อสแกนสมอง ทางโรงพยาบาลอำนาจเจริญสงสัยว่าผู้ป่วยมีปัญหาที่ระบบประสาท เรียกว่าอาการ กิลแลง เบอร์เร่ ซินโดรม ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก จึงส่งตัวไปรักษาที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี

ทางโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ทำการเจาะไขสันหลัง เพื่อตรวจสอบเส้นประสาทพบมีการติดเชื้อ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากวัคซีนไปกระตุ้นทำให้เกิดอาการ

ล่าสุดทาง ผอ.โรงพยาบาลหัวตะพาน ได้เดินทางไปเยี่ยมติดตามอาการของคนไข้รายนี้ พบว่าอาการดีขึ้นมากกว่าวันแรก ที่แพทย์ประเมินไว้ตอนแรกจะเดินไม่ได้หลายเดือนนั้น ตอนนี้ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้น มีโอกาสที่จะหายเป็นปกติได้ เนื่องจากคนไข้ฟื้นตัวได้ภายในเวลาไม่กี่วัน

นอกจากนี้ได้รับรายงานมีผู้ป่วยชายอายุ 70 ปี ที่ได้มาฉีดวัคซีนในวันเดียวกันกับผู้ป่วยหญิงรายนี้ เสียชีวิตอีก 1 รายด้วย ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ขอแสดงความเสียใจกับทางญาติ และจะดำเนินการขอเงินชดเชยกรณีได้รับผลกระทบจากวัคซีนต่อไป โดยกรณีผู้เสียชีวิตจะได้ค่าเยียวยาเป็นเงิน 400,000 บาท ส่วนคนไข้ที่มีอาการอ่อนแรงจะจ่ายตามอาการ ตั้งแต่ 80,000-240,000 บาาท