อย.ย้ำ "ซิโนฟาร์ม" ไม่อนุญาตให้ฉีดในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะที่ "หมอธีระวัฒน์" เตือนพบอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็ก หลังฉีดวัคซีน mRNA

นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. พิจารณาอนุญาตวัคซีนจากข้อมูลความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผล จึงจำเป็นต้องมีข้อมูลการวิจัยของวัคซีนที่เพียงพอที่จะยืนยันความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผล ซึ่งขณะนี้ มีวัคซีนโควิด-19 ที่ อย. อนุญาตให้ใช้สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 12 ปี ขึ้นไปแล้ว จำนวน 2 ชนิด คือ วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา

ส่วนวัคซีนซิโนฟาร์ม คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิของ อย. ได้พิจารณาแล้วว่า ยังไม่สามารถอนุญาตให้ขยายการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มในเด็กตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป หรืออายุต่ำ 18 ปี ขณะนี้ อย. อยู่ระหว่างรอการจัดส่งข้อมูลด้านความปลอดภัยจากบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ซึ่งหากส่งข้อมูลมาครบถ้วน อย. พร้อมเร่งดำเนินการพิจารณาโดยเร็ว

วัคซีนโควิด-19 ที่อย.ได้อนุญาตแล้ว หากจะนำวัคซีนไปใช้ในงานวิจัย ผู้วิจัยต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยจากสถาบันนั้น หรือสถาบันกลางก่อน เพื่อดำเนินการตามระเบียบวิธีวิจัยต่อไป

ด้าน ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้อ้างอิงการวิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยของแพทย์จาก University of California โดยเนื้อหาระบุว่าข้อมูลเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดในเด็กอายุ 12-17 ปี จากระบบติดตามการฉีดวัคซีนกลางของสหรัฐฯ หรือ (VAERS) โดยเด็กกลุ่มนี้ไม่มีโรคประจำตัว แต่พบอาการและลักษณะเข้าได้กับกล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีนชนิด mRNA

แบ่งเป็นเด็กผู้ชายอายุ 12 ถึง 15 ปี เกิดอาการหัวใจอักเสบเฉลี่ย 162.2 คนใน 1 ล้านคน เด็กผู้ชายอายุ 16 ถึง 17 ปี พบเฉลี่ย 94 คนใน1 ล้านคน ส่วนเด็กผู้หญิงอายุ 12 ถึง 15 ปี เกิดหัวใจอักเสบเฉลี่ย 13 คนใน 1ล้านคน และ เด็กผู้หญิงอายุ 16 ถึง 17 ปี พบเฉลี่ย 13.4 ใน 1 ล้านคน ซึ่งเกือบ 86% เป็นเด็กชาย ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล

ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ จึงเสนอให้มีการใช้วัคซีนเชื้อตายก่อน 2 เข็ม แล้วตามด้วยวัคซีน mRNA ในเข็มที่ 3 ที่จะให้ความปลอดภัยกว่า ทางเลือกสำหรับประเทศไทยในเด็กตั้งแต่อายุสามขวบ

สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในวันนี้ (22 ก.ย.) พบผู้ติดเชื้อใหม่ 11,252 คน รวมสะสม 1,511,357 คน รักษาตัวอยู่ 129,071 คน แบ่งเป็นอาการหนัก 3,464 คน ใช้เครื่องช่วยหายใจ 753 คน เสียชีวิตเพิ่ม 141 คน รวมสะสม 15,753 คน