ผู้ปกครองเตือนภัยโลกออนไลน์ หลังลูกถูกมิจฉาชีพหลอกลงทุน อ้างทำธุรกิจถูกกฎหมาย จนเสียเงินไปกว่า 2 แสนบาท

ผู้ปกครองร้องเรียนผ่าน ข่าว 3 มิติ ต้องการให้เรื่องนี้เป็นตัวอย่าง หลังจากลูกสาวเข้าไปกดถูกใจเพจหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าเป็นเพจที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อดักหรือหลอกลวงเหยื่อในโลกออน์ แต่โฆษณาว่าเป็นการลงทุนออนไลน์ถูกกฎหมาย พร้อมรูปแบบการหลอกลวงที่ทำกันเป็นขบวนการ จนเสียเงินไปกว่า 2 แสนบาท

โดยผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิงคนนี้ ยอมรับว่าลูกสาววัย 17 ปี เสียรู้มิจฉาชีพที่แฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์ เพราะไม่คิดมาก่อนว่า มีการหลอกลวงในลักษณะต่อไปนี้ จะมีอยู่จริงในโลกออนไลน์

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ขณะที่เธอออกไปทำธุระนอกจากบ้าน และลูกเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่บ้าน จนไปพบกับเพจๆ หนึ่งเข้า ทันทีที่กดถูกใจ ทางเพจจึงทักกลับมา พร้อมดึงเข้าไปในกลุ่มแชทไลน์เปิดกลุ่มหนึ่ง พร้อมข้อความเชิญชวนให้ร่วมลงทุน ที่โฆษณาจะทำกำไรได้ในเวลาไม่นาน

เมื่อทดลองโอนไปก่อน 1,000 บาท และส่งสลิปไปยืนยันในกลุ่ม ผู้ที่แสดงตัวเป็นผู้จัดการเพจ ก็แจ้งว่าได้กำไร 200 บาท แล้วโอนเงินให้พร้อมแนะนำให้ลงทุนเพิ่ม เมื่อเห็นว่าได้รับเงินกลับมาจริง จึงลงทุนกลับไปอีก 1,300 บาท ก่อนที่จะรับกลับมาอีกเป็น 2,500 บาท แต่ครั้งนี้ผู้ที่เป็นผู้จัดการเพจ จึงดึงให้เข้าไปไปอีกห้องหนึ่ง เรียกว่า "ห้องวีไอพี"

ซึ่ง "ห้องวีไอพี" เริ่มมีการโน้มน้าวให้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นบาท และหากยอมถอยไปก่อน เงินทั้งหมดที่โอนไปแล้ว จะไม่สามารถถอนกลับมาได้ โดยในห้องนี้ มีตัวละครอีกหลายคนที่ทำเป็นนักลงทุนเช่นเดียวกัน คอยเชียร์ และช่วยกันกดดัน โดยอ้างว่าเป็นการร่วมลงทุนกันเป็นทีม

ด้วยกลัวจะเสียเงินทั้งหมดไปจริง จึงนำเงินที่แม่เก็บไว้ไปให้ด้วยเชื่อว่า จะได้เงินทั้งหมดกลับมาจริง เมื่อโอนเงินไปเพิ่ม ก็ถูกดึงให้เข้าไปในอีกห้องหนึ่งเป็นห้องแชทที่ 3 เรียกว่า "ห้องทำคนให้รวย" และอ้างว่าเป็นการลงทุนกับบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ใน "ห้องทำคนให้รวย" มีสมาชิกบางคนทำทีเป็นนักลงทุน บางคนส่งรูปมายืนยันตัวตน และบางคนอ้างว่าเป็นตำรวจ ทำให้ยิ่งดูน่าเชื่อถือ โดยไม่รู้ว่านี่เป็นขบวนการเดียวกัน เพราะหลังจากไม่สามารถหาเงินมาโอนได้เพิ่ม จึงถูกเตะออกมาจากห้องแชท และไม่สามารถเข้าไปติดตามเงินที่โอนไปก่อนหน้านี้กลับคืนมาได้อีกเลย

ล่าสุด ทางครอบครัวจึงเข้าแจ้งความที่ สน.คันนายาว ตำรวจแจ้งว่าจะทำเรื่องให้สถาบันการเงินตรวจสอบ ว่าเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินทั้ง 2 คนเป็นใครต่อไป