สาวไทยถูกหลอกไปทำงานดูไบ ถูกยึดพาสปอร์ต ด้าน ก.แรงงาน เร่งประสานทูตช่วยเหลือ

สังคม

สาวไทยถูกหลอกไปทำงานดูไบ ถูกยึดพาสปอร์ต ด้าน ก.แรงงาน เร่งประสานทูตช่วยเหลือ

โดย thichaphat_d

21 ก.ย. 2564

8 views

จากกรณีเพจอีซ้อขยี้ข่าว2 ได้โพสต์เรื่องราว วัยรุ่นสาวคนหนึ่งอัดคลิปขอความช่วยเหลือหลังถูกหลอกให้ไปทำงานที่ประเทศดูไบ โดยติดต่อจากคนรู้จักเพื่อให้ไปอยู่ร้านนวด แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ขายบริการ


ผู้ที่โพสต์คลิประบุว่า ตนได้ติดต่อคนรู้จักเพื่อที่จะไปทำงานที่ประเทศดูไบ เพราะทางบ้านฐานะไม่ค่อยดีตนจึงอยากเลี้ยงดูพ่อแม่และลูก จึงตัดสินใจเดินทางมาที่ประเทศดูไบเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา แต่เมื่อเดินทางไปถึง กลับถูกบังคับให้เธอขายบริการ ไม่ได้มานวดเหมือนที่ตกลงกันไว้ ปรากฏว่าถูกหลอก


ซึ่งตอนนี้ถูกนายจ้างยึดพาสปอร์ต และบอกให้เธอชดใช้เงินที่ติดค้างไว้ จำนวนเงินหกถึง 7 หมื่นบาท แต่ทางบ้านของเธอไม่มีเงิน เลยพยายามขอความช่วยเหลือ มาตามช่องทางต่างๆ ตอนนี้ตนไม่รู้จะทำอย่างไรภาษาก็พูดไม่ได้


ขณะที่ นางปลิดา ร่วมคำ อัคราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัคราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวถูกหลอกไปทำงาน ขายบริการจริง ซึ่งหลังจากนี้จะประสานขอความช่วยเหลือต่อไป


ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผู้ร้องมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.สระแก้ว เดินทางโดยถือวีซ่าประเภทท่องเที่ยวเข้ามา ได้รู้จักบุคคลที่มีนามแฝงว่า “ลิลลี่” ชักชวนให้มาทำงานนวดโดยไม่ได้รับค่าจ้างแต่จะได้รับเป็นเงินค่าคอมมิชชั่นการันตีอยู่ที่ประมาณเดือนละ 30,000 ถึง 40,000 บาท จึงตัดสินใจเดินทางมาเมืองดูไบโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว


เมื่อมาถึงได้มีแท็กชี่มารับที่สนามบินและพาไปทำงานที่รัฐราสอัลไคมาห์ ปรากฏว่าไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ โดยคนที่ชื่อลิลลี่ แจ้งให้ขายบริการทางเพศอย่างเดียว ไม่ได้นวดตามที่พูดคุยกันไว้ ซึ่งเจ้าตัวไม่สามารถที่จะขายตัวตามที่ตกลงกันได้ จึงขอยกเลิกที่จะเดินทางกลับประเทศไทย และคนที่ชื่อลิลลี่จึงเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 70,000 บาท


ทั้งนี้ เนื่องจากได้จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า และค่าอื่น ๆ ให้กับผู้ร้อง ผู้ร้องจึงพยายามติดต่อไปยังเพจต่างๆ แต่แจ้งว่าไม่ได้ติดต่อกับสถานทูตไทย หรือสถานกงสุลไทย หรือฝ่ายแรงงาน เนื่องจากเมื่อเดินทางมาถึงแล้วไม่มีโทรศัพท์ใช้ มีเพียงสัญญาณ WiFi ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงพยายามที่จะติดต่อกับบุคคลดังกล่าว


เมื่อกระแสของการข่าวถูกแชร์มากขึ้น และบุคคลที่ทำงานในร้านดังกล่าวเห็นว่าผู้ร้องได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยราชการไทย จึงทำการปิดร้านและนำหนังสือเดินทางมาคืนให้ พร้อมทั้งดำเนินการลบแชตการติดต่อ และเรียกแท็กซี่ส่งผู้ร้องไปที่สนามบินดูไบ


ทั้งนี้ ฝ่ายแรงงานจึงทำการนัดหมายคนขับรถแท็กชี่ให้พาผู้ร้องมาเจอกันที่สนามบินดูไบและได้พาผู้ร้องไปสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการเดินทางกลับประเทศไทยต่อไป


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/UqfkbTkDHmc

คุณอาจสนใจ

Related News