ดราม่า วัดดังทรมานผู้บำบัดยาเสพติด ผู้ว่าฯสั่งย้ายไปเขาชนไก่ เจ้าอาวาสเครียด มรณภาพ

สังคม

ดราม่า วัดดังทรมานผู้บำบัดยาเสพติด ผู้ว่าฯสั่งย้ายไปเขาชนไก่ เจ้าอาวาสเครียด มรณภาพ

โดย thichaphat_d

21 ก.ย. 2564

8 views

กาญจนบุรี-กรณีผู้ปกครองของชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย ที่เป็นผู้ติดยาเสพติดและเข้ารับการบำบัด ที่ศูนย์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด วัดท่าพุราษฏร์บำรุง อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ว่า


ลูกชายของตนถูกเจ้าหน้าที่ของทางศูนย์บำบัดกักขังหน่วงเหนี่ยว และมีการทรมานทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บหนัก ทำให้ทางผู้เป็นแม่ต้องตัดสินใจเดินทางไปรับตัวลูกกลับออกมาจากศูนย์บำบัดพร้อมเดินหน้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อหลายหน่วยงานตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น


วานนี้ (20 ก.ย.) ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วยหมอปลา และทีมงาน ได้เดินทางลงพื้นที่วัดท่าพุราษฏร์บำรุง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยได้มีการพูดคุยสอบถามถึงระบบการบำบัด ผู้ติดยาเสพติดรวมถึงระบบการดูแล ความสะอาดสาธารณูปโภคและคุณภาพชีวิตของผู้ที่เข้ารับการบำบัดกับทางศูนย์


ซึ่งสิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ การที่กลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนถึง 216 คน ถูก ขังอยู่รวมกันภายในเรือนนอนชั้นเดียวเพียง 1 หลังซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างแออัด ซึ่งเมื่อทนายไพศาลและหมอปลาได้ทราบเรื่องดังกล่าวจึงได้เดินทางไปยังเรือนนอน เพื่อที่จะพูดคุยกับกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดว่ามีการถูกทำร้ายร่างกาย ถูกกักขังหรือถูกให้อดอาหารตามที่ทางทีมงานได้รับเรื่องร้องเรียนมาหรือไม่


แต่ปรากฏว่าทางวัด ไม่ยอมเปิดล็อคประตูของเรือนนอนให้ตรวจสอบ โดยอ้างปัญหาเรื่องของความปลอดภัย ทำให้หมอปลา ตัดสินใจต่อสายโทรศัพท์ถึงนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดที่อยู่ภายในเรือนนอนออกมาทั้งหมด และจะประสานหารถส่งตัวกลุ่มผู้รับการบำบัด ที่ต้องการเดินทางกลับบ้านให้สามารถกลับบ้านได้ทันที 


ต่อมา นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้เดินทางลงพื้นที่วัดท่าพุราษฏร์บำรุง ด้วยตนเอง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามข้อร้องเรียนหรือไม่ และร่วมพูดคุยกับทางพระและเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัด รวมถึงหมอปลาและทนายไพศาล


โดยหมอปลายืนยันว่า ตนเองได้รับการร้องเรียน รวมถึงมีหลักฐานยืนยันว่าสถานบำบัดแห่งนี้ มีการทำร้ายร่างกายผู้เข้ารับการบำบัด มีการกักขังผู้เข้ารับการบำบัดไว้ในโรงนอนที่มีความแออัด และมีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง ในขณะที่มีผู้เข้ารับการบำบัดอาศัยอยู่ภายในเรืองนอนถึง 216 คน


พร้อมขอให้ผู้ว่าฯ พูดคุยสอบถามข้อมูลกับกลุ่มผู้บำบัดโดยตรง เนื่องจากเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของศูนย์จะปิดบังข้อมูลไม่ให้ข้อเท็จจริงกับทางผู้ว่าฯ และส่วนราชการ ซึ่งทำให้กลุ่มเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัดเกิดความไม่พอใจจนมีปากเสียงโต้เถียงกันไปมาหลายครั้ง


หลังการพูดคุยราว 20 นาที ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีจึงได้สรุปว่า จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 17 นำรถทหาร มารับกลุ่มผู้บำบัด ที่อยู่ในเรือนนอนจำนวน 216 คน รวมถึง กลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์อยู่ภายในกุฏิอีกหลายสิบคน ไปอยู่ที่ค่ายทหารเป็นการชั่วคราว


เนื่องจากเห็นว่าสถานที่เรือนนอนภายในศูนย์บำบัดมีความคับแคบ แออัด และไม่มีความพร้อมในการดูแลผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนมาก จึงให้มีการเคลื่อนย้ายผู้เข้ารับการบำบัดทั้งหมดกว่า 300 คนไปอยู่ที่ค่ายฝึกเขาชนไก่เป็นการชั่วคราวโดยทันที


โดยหลังขนย้ายกลุ่มผู้บำบัดเสร็จเรียบร้อย จะได้มีการจัดทำประวัติของกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดพร้อมติดต่อครอบครัว ให้เข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่และตัดสินใจว่าจะรับกลุ่มผู้บำบัดกลับบ้าน หรือจะส่งไปเข้ารับการบำบัดที่อื่นต่อ


ในส่วนของศูนย์บำบัดแห่งนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมและพร้อมรองรับผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนมาก แต่หากไม่สามารถปรับปรุงได้ก็อาจจะต้องปิดรับ ผู้เข้ารับการบำบัดไปโดยปริยาย ซึ่งในเรื่องนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับการหารือกับทางศูนย์บำบัดอีกครั้ง


โดยทันที ที่กลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด ซึ่งถูกขังอยู่ภายในเรือนนอน ทราบข่าวว่าจะได้ออกจากศูนย์บำบัดแห่งนี้ ต่างตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจและกล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีรวมถึงหมอปลาและทนายไพศาล และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ช่วยให้กลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดได้หลุดพ้นออกไปจากสถานที่แห่งนี้


ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลกับกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด ทำให้ทราบว่า ในการมาเข้ารับการบำบัดนอกจากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 12,000 บาท ทันทีที่เข้ามารับการบำบัดแล้ว ผู้กำกับทุกคนจะต้องถูกส่งมาอยู่ในเรือนนอนซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว ที่มีความแออัด และมีห้องน้ำเพียง 2 ห้องไม่เพียงพอกับจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดที่มากถึง 216 คน


แต่หากผู้เข้ารับการบำบัดรายใดไม่อยากอยู่ในเรือนนอน ก็จะต้อง ยินยอมบวชเป็นพระสงฆ์ เพื่อจะได้ไปอาศัยอยู่ในกุฏิของพระสงฆ์ แต่ในการจะบวชพระนั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองอีก 20,000 บาทแลกกับการจะได้บวชเป็นพระและไม่ต้องอยู่ในเรือนนอน


อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า พระครูปลัดประสิทธิ์ ลตินธโร เจ้าอาวาสวัดท่าพุราษฏร์บำรุง ได้มรณภาพลงก่อนที่ทางทีมงานของทนายไพศาลจะเดินทางมาถึงที่วัดเพียง 15 นาที ซึ่งแต่เดิม เจ้าอาวาสวัดท่าพุ มีสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ประกอบกับ เมื่อไม่กี่วันก่อนที่สื่อได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับวัด ทำให้หลวงพ่อเกิดอาการเครียดและอาการทรุดลง และมรณภาพในที่สุด


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/5M0NvlxYrOI

คุณอาจสนใจ

Related News