ลำปาง-ตำรวจ สภ.ห้างฉัตร ตั้งด่านตรวจด่านสกัดและจุดคัดกรองโควิด-19 บริเวณถนน ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่- ลำปางขาเข้า เมืองลำปาง หน้าจุดตรวจ โรงพัก สภ.ห้างฉัตรลำปาง และระหว่างทำการตั้งด่านตรวจ ได้มีรถทัวร์โดยสาร เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ได้ขับผ่านเข้ามาบริเวณด่านตรวจ

เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจบนรถ พบแรงงานต่างด้าว ลักลอบหนีเข้าเมืองจะไปที่ทำงาน กทม.จำนวน 39 ราย มีบางรายแอบซ่อนตัวในช่องเก็บของ ข้างล่างของรถทัวร์ โดยแรงานต่างด้าวนั้น มีทั้งชายทั้งหญิงและเด็กเล็ก ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา และยังพบผู้โดยสารที่เป็นคนไทยอีก 11 คน เดินทางมากับรถทัวร์คันดังกล่าว

จากการสอบปากคำ ทราบว่าเบื้องต้นแรงงานพม่า 39 คน ที่มีทั้งชายและหญิงได้ เด็กนั้นได้ทยอยขึ้นรถโดยสาร แต่ละจุดมา ทั้งมา จาก จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน

สอบถามคนขับรถทัวร์บอกว่า ตนเองเพิ่งมาขับรถทัวร์เป็นวันแรก ขับรถออกมาจากอำเภอฝางเชียงใหม่จะเข้าตัวกรุงเทพฯ โดยบริษัทรถทัวร์นั้นได้ สั่งให้ตนเองจอดรับ ผู้โดยสารระหว่างทางมาตลอด และไม่ได้ตรวจตั๋วโดยสาร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวคนขับและเด็กท้ายรถ รวม 3 ราย จะได้สอบปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นกับการขนแรงานในครั้งนี้หรือไม่

ขณะเดียวกัน นพ.นพรัตน์ วัชรขจรกุล รองนายแพทย์ สสจ.ลำปาง และรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลห้างฉัตร ได้เดินทางเข้ามาพร้อมกับที่โรงพยาบาลห้างฉัตรนำชุดตรวจ โควิดเข้ามาตรวจคัดกรองผู้โดยสารรวม 39 ราย ซึ่งได้ตรวจเชื้อโควิด และรอผลว่าติดเชื้อโควิด หรือไม่

จากการสอบถาม แรงานต่างด้าวบางรายที่พอจะพูดภาษาไทยได้บ้าง บอกว่าจะไปทำงานสวนทุเรียนที่ กทม. แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า กทม.ไม่มีสวนทุเรียน หลังจากนั้นก็ให้การวกวนไม่ยอมพูดความจริง แต่ยอมรับว่า มีขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าว เก็บค่าหัวรายละ 5,000 บาท เพื่อพาตัวหลบหนีเข้าไปทำงาน กทม.

ส่วนรถทัวร์คันดังกล่าวนี้ เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำการยึดไว้ตรวจสอบและจะได้เรียกเจ้าของบริษัทรถทัวร์ดังกล่าวมาสอบปากคำ พร้อมกับพนักงานขับรถโดยสารและเด็กท้ายรถต่อไปว่ามี ส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการเคลื่อนย้ายขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายกลุ่มนี้หรือไม่

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/LJRsxmNBOAc