จากกรณีสภาผู้แทนราษฎร รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย ร่างกฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาของสังคมไทยตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน ลูกชายของ ทนง โพธิ์อ่าน คาดหวังว่าร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย จะช่วยปกป้องคนไม่ให้ถูกอุ้มหาย หรือทรมาน แม้ไม่คิดว่าจะหมดสิ้น แต่จะทำได้ยาก อย่างน้อยก็ไม่ซ้ำรอยพ่อของเขาที่ถูกอุ้มหาย และไร้การตรวจสอบ ทั้งที่ขณะนั้นมีเบาะแสกลุ่มคนที่เชื่อว่าเป็นคนปองร้าย แต่จนถึงเวลานี้ผ่านมา 30 ปี คดีก็ไม่คืบหน้า

นายอดิศร โพธิ์อ่าน ลูกชายของนายทนง โพธิ์อ่าน แกนนำแรงงาน ที่ถูกอุ้มหายไปตั้งแต่ปี 2534 ยืนยันกับ ข่าว 3 มิติ ถึงชนวนเหตุที่บิดาถูกอุ้มหายในขณะนั้น ส่วนหนึ่งเพราะเป็นแกนนำที่เครือข่ายแรงงานจำนวนมากในกลุ่ม ขณะเดียวกัน ก็คัดค้านชัดเจนต่อการรัฐประหารของ รสช. กระทั่งนั่นคือสิ่งที่เขาเชื่อว่า เป็นชวนเหตุให้พ่อเขาถูกอุ้มหาย

นายอดิศร ระบุว่าหลังจากพ่อรู้ตัวว่าถูกติดตามหลายครั้ง ทั้งในระหว่างอยู่ในกรุงเทพฯ และระหว่างเดินทางไปชลบุรี จนที่สุดคิดว่าอาจไม่สามารถเอาตัวรอดได้ในสักวัน จึงตัดสินใจให้คนที่เคยติดตามอยู่ยกเลิกไป เพราะไม่อยากให้เกิดความสูญเสียกับครอบครัวของคนที่ติดตาม นายอดิศร ระบุว่าแม้เขาและพ่อจะรู้ข้อมูลคนที่เคลื่อนไหว แต่ภายใต้อำนาจที่เบ็ดเสร็จขณะนั้น ก็ไม่อาจตรวจสอบหรือป้องกันภัยได้

ความคืบหน้าของ กฎหมายป้องกันการทรมานและอุ้มหาย เป็นประกายความหวังหนึ่งของอดิศร ที่คิดว่าอาจจะปกป้องบุคคลที่เคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์สาธารณะได้ แม้ว่าตลอด 30 ปี ของบิดาที่หายไป จะไร้ความคืบหน้าทางคดี ส่วนหนึ่งเพราะคู่ขัดแย้งเป็นคนในหน่วยงานรัฐ เขาจึงหวังว่า กฎหมายนี้อาจก่อให้เกิดหน่วยงานกลาง ที่จะสร้างความยุติธรรมในการติดตาม ตรวจสอบคดีได้

หนึ่งในความหวังของนายอดิศร คือคาดหวังว่า หากกฎหมายนี้ผ่านทุกวาระไปสู่การประกาศใช้ อาจทำให้คดีของพ่อเขาถูกรื้อฟื้น และต่อให้ไม่ได้ตัวผู้กระทำผิด แต่ก็ควรให้ได้คำตอบชัดเจนว่า 30 ปี ที่ผ่านมา ถูกอุ้มหายไปโดยบุคคลฝ่ายใด