นี่เป็นภาพช่วงเวลาที่ผู้สื่อข่าว พยายามเกลี้ยกล่อมให้นางสาวปภาวรินท์ อายุ 38 ปี ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตาย โดยขอให้เห็นแก่ลูกสาววัย 4 ขวบ ที่วิ่งเล่นไร้เดียงสาอยู่ข้างแม่ และยังมีลูกชายวัย 1 ขวบอีกคน ที่ฝากญาติดูแลไว้

คุณยุ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) ประมาณ 14.00 น. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวรายหนึ่ง ว่ามีหญิงสาวติดต่อแหล่งข่าว ขอให้ช่วยประกาศขายไต ขายอวัยวะ เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ แต่แหล่งข่าวปฎิเสธ หญิงสาวจึงหายเงียบไป และติดต่อมาอีกครั้งว่า ขอให้แหล่งข่าวช่วยไปรับลูกสาวของเธอ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เพราะตัวเธอรับปัญหาไม่ไหวแล้ว จะไปฆ่าตัวตาย แหล่งข่าวจึงติดต่อมาที่ผู้สื่อข่าว เพื่อให้รีบไปช่วยเหลือ

เมื่อไปถึงโรงเรียนดังกล่าว ในพื้นที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น พบหญิงสาวนั่งร้องไห้อย่างสิ้นหวัง อยู่ข้างหอประชุมโรงเรียน ส่วนลูกสาววัย 4 ขวบ วิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้า ผู้สื่อข่าวจึงพยายามเกลี้ยกล่อมและโทรแจ้งนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และนายประจักษ์ ไชยกิจ นายอำเภอบ้านไผ่ เพื่อประสานขอความช่วยเหลือ ซึ่งในเวลาต่อมา ปลัดอำเภอบ้านไผ่ และปลัดประจำศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านไผ่ ลงพื้นที่มารับฟังปัญหาของหญิงคนนี้ 

เธอเล่าว่า เธอเลิกกับสามีไปนานแล้ว แม่ก็เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ตอนนี้ตัวเธอจึงเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องดูแลพ่อ และเลี้ยงลูก 2 คนตามลำพัง มีรายได้จากการรับจ้างทั่วไป แต่เมื่อ 3 เดือนก่อน นายสมหวัง อายุ 60 ปี เป็นญาติผู้ใหญ่ที่นับถือกัน มีบุญคุณกับครอบครัวของเธอมาก่อน และเธอเรียกว่าน้า มาบอกว่า กำลังเดือดร้อน ต้องใช้เงินด่วน 30,000 บาท มาขอให้เธอช่วยกู้เงินนอกระบบให้ ด้วยความที่เห็นใจและนึกถึงความดีที่น้าเคยช่วยเหลือกันมาก่อน เธอจึงไปกู้เงินนอกระบบจากนายทุนที่มักขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาปล่อยกู้ตามหมู่บ้าน โดยกู้มา 3 เจ้า เจ้าละ 10,000 บาท โดยเธอเซ็นรับรองในสำเนาบัตรประชาชน และมีข้อกำหนด คือ กู้ 10,000 บาท ต้องผ่อนจ่ายคืนจำนวน 12,000 บาท ภายในระยะ 24 วัน เท่ากับว่า กู้มา 30,000 บาท แต่ต้องจ่ายหนี้คือ 36,000 บาท เมื่อได้เงินมาแล้ว ก็มอบให้นายสมหวังไป แต่นายสมหวังไม่ยอมผ่อนจ่ายหนี้ตามสัญญา แถมยังหนีไป ทิ้งให้เธอต้องใช้หนี้คนเดียว โดยเธอต้องหาเงินมาจ่ายให้เจ้าหนี้ 3 เจ้า เจ้าละ 500 บาท รวมเป็นหนี้ที่ต้องผ่อนจ่ายวันละ 1,500 บาททุกวัน แต่เธอไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ จึงไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สภ.บ้านไผ่ เจรจากับเจ้าหนี้ ยอมให้ผ่อนวันละ 200 บาท รวม 3 เจ้า ก็วันละ 600 บาท แต่เธอหาเงินมาจ่ายไม่ได้ จึงต้องไปกู้เงินจากเพื่อนอีก 9,000 บาท เพื่อผ่อนชำระเงินกู้รายวันที่ติดค้างไว้ แต่ตอนนี้ไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายหนี้แทนน้าสมหวังแล้ว และยังมีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ทุกวันจนไม่กล้าอยู่บ้าน เมื่อเช้าวานนี้ (16 ก.ย.) จึงฝากพ่อดูแลลูกชายคนเล็ก ส่วนตัวเองก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านมาพร้อมลูกสาวคนโต เพื่อตระเวนติดต่อขอขายไต ขายอวัยวะ นำเงินไปใช้หนี้ แต่ติดต่อไปยังคนรู้จัก เขาก็ปฎิเสธ จึงคิดสั้น จะขี่รถไปให้รถเก๋งชนเพื่อฆ่าตัวตาย โดยโทรแจ้งคนรู้จักให้มาช่วยดูแลลูกสาวที่เธอพามาทิ้งไว้ที่โรงเรียน

เจ้าหน้าที่พาหญิงสาวไปที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านไผ่ เพื่อพูดคุยกับนายประจักษ์ ไชยกิจ นายอำเภอบ้านไผ่ เบื้องต้น จะติดต่อเจ้าหนี้ทั้งหมดมาพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน ถ้าเป็นจำนวนเงินไม่มาก ทางอำเภอจะช่วยจัดการใช้หนี้ให้ และจะหาอาชีพให้ทำ จะได้มีงาน มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว นอกจากนี้ นายอำเภอบ้านไผ่ ยังให้เจ้าหน้าที่ซื้อนมผง นมกล่องและข้าวสารมามอบให้หญิงสาว เพื่อนำกลับไปเลี้ยงลูก เลี้ยงพ่อที่บ้านด้วย

คุณยุ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น ผู้ที่ช่วยเกลี้ยกล่อมไม่ให้หญิงสาวฆ่าตัวตาย บอกว่า ตนเองก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกัน จึงเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาว เมื่อพูดเกลี้ยกล่อมไปด้วยความจริงใจ ทำให้หญิงสาวไว้ใจและเริ่มใจเย็นลง จึงอยากฝากถึงคนที่กำลังมีปัญหาชีวิต ขอให้มีสติ ค่อยๆคิดหาทางออก เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ 

ส่วนนายตรีเทพ เกียรติปกรณ์ แอดมินจากเพจข่าวคนบ้านไผ่ ซึ่งเป็นบุคคลที่หญิงสาวติดต่อขอให้ช่วยขายอวัยวะให้ บอกว่า ตอนแรกตกใจ อีกทั้งตนเองก็ไม่รู้ว่าจะไปประกาศขายยังไง จึงติดต่อผู้สื่อข่าวที่รู้จัก เพื่อหาทางช่วยเหลือ ที่ผ่านมา ก็เคยมีคนติดต่อเข้ามาทางเพจ เพื่อขอความช่วยเหลือและมีคนคิดสั้้นมาขอคำปรึกษาแบบนี้หลายราย ซึ่งตามขั้นตอนก็จะประสานหน่วยงานในพื้นที่ให้การช่วยเหลือ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XAQRrTzI4Mc