วานนี้ (16 ก.ย.) รัฐบาลสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย ได้ประกาศสนธิสัญญาความมั่นคงครั้งประวัติศาสตร์ชื่อว่า "ออกัส" หวังคานอำนาจจีน โดยสหรัฐฯ และ UK จะช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีการสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ให้กับออสเตรเลียเป็นลำแรก

ภายใต้สนธิสัญญานี้ สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จะครอบคลุมทั้งในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีต่างๆ ด้านการทหาร การป้องกันทางไซเบอร์ และการคำนวณควอนตัม

สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จะช่วยเหลือออสเตรเลียในเรื่องเทคโนโลยีในการสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์เป็นลำแรกของออสเตรเลียด้วย และจะมีการประกอบเรือดำน้ำอย่างน้อย 8 ลำ

ด้าน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ แถลงพร้อมกับผู้นำอังกฤษ และออสเตรเลีย ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ถึงความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีการเอ่ยถึงชื่อ "จีน" โดยตรง แต่เป็นที่รู้กันดีว่า ความร่วมมือครั้งนี้คือการ "สกัดกั้น" การขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ทันที โดยระบุว่า ความร่วมมือเป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยังทำให้เกิดการแข่งขันอาวุธกันสูงขึ้น

นอกจากนั้นทางด้าน นาย ฌอง อีฟ เลอ แดรง รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสได้แถลงทันทีเช่นกัน ประณามความร่วมมือครั้งนี้ โดยบอกว่าสหรัฐฯไม่ได้หารือในประเด็นดังกล่าวกับฝรั่งเศสและยุโรป ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกัน และยังบอกอีกว่า โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ก็ทำตัวไม่ต่างจาก อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มักจะทำอะไรโดยไม่เห็นหัวชาติพันธมิตร อีกทั้งยังบอกว่าฝรั่งเศสเหมือนกับถูกแทงข้างหลังด้วย