ที่ประชุมรัฐสภาให้ความเห็นชอบ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 3 เปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ยังต้องติดตามว่าจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความอีกหรือไม่ ขณะที่ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่มีสัญญาณใด หลังร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกปลดจากรัฐมนตรี

ที่ประชุมรัฐสภา มีมติ เห็นชอบ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ปรับแก้จำนวน ส.ส. เป็นแบบ ส.ส.เขต 400 คน และบัญชีรายชื่อ 100 คน รวมถึงกลับมาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และแก้วิธีคำนวณระบบบัญชีรายชื่อแบบใหม่ ด้วยคะแนนเสียง

เห็นชอบ 472 เสียง โดยแบ่งเป็น ส.ส. 323 เสียง ส.ว. 149 เสียง ไม่เห็นชอบ 33 แบ่งเป็น ส.ส.23 ส.ว.10 งดออกเสียง 187 เสียง แบ่งเป็น ส.ส.121 ส.ว. 66

ถือว่าผ่านทั้ง 3 เงื่อนไขที่จำนวนเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา มากกว่า 365 เสียง และเป็นเสียงของ ส.ส.จากพรรคที่ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาฯและรองประธานสภา เห็นชอบไม่น้อยกว่าร้อยละ20 และต้องมีเสียง ส.ว.เห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของวุฒิสภา หรือ 84 คน

ขั้นตอนหลังจากนี้ ประธานรัฐสภา จะได้ส่งร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 พุทธศักราช 2654 ให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยจะต้องเว้นระยะเวลาไว้ 15 วัน ซึ่งในระหว่างนี้ หาก ส.ส. และ ส.ว. เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือมีประเด็นที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สามารถเข้าชื่อกัน ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 เพื่อเสนอความเห็นต่อประธานรัฐสภา ประธานสภาฯหรือประธานวุฒิสภา ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทำให้นายกรัฐมนตรี จะยังไม่สามารถนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น

สำหรับการลงคะแนนวันนี้ พบว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีการลงคะแนนต่างกัน ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ลงมติเห็นชอบ แต่ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ พบว่า มีส.ส.ไม่มาลงคะแนนหลายคน นำโดย ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และนายไผ่ ลิกข์ หลังร้อยเอกธรรมนัส ถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรี

ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย งดออกเสียง รวมถึงพรรคเล็กที่ไม่เห็นด้วย ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน นอกจากพรรคเพื่อไทย ที่เห็นชอบ พรรคก้าวไกล งดออกเสียง เพราะแม้จะเห็นด้วยกับการเลือกตั้งบัตรสองใบ แต่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ขณะที่พรรคเสรีรวมไทย ไม่เห็นด้วย

นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณ ส.ส.และส.ว.ที่โหวตรับร่างนี้ เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางพรรคจะตั้งคณะทำงานมาพิจารณากฏหมายประกอบต่างๆหารือกับทุกฝ่ายเพื่อดำเนินการให้ได้โดยเร็ว

สำหรับระบบเลือกตั้งที่ผ่านความเห็นชอบวันนี้ เป็นการกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เลือก ส.ส.เขต 1 ใบ เลือกพรรคการเมือง เพื่อนำคะแนนมาคำนวณ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่กำหนดให้มี ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน

ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสนอปลด 2 รัฐมนตรี หลังเดินทางไปตรวจเยี่ยมแฟคตอรี่แซนบอกซ์ ในการป้องกันโควิด-19 ที่กระทรวงแรงงานร่วมกับผู้ประกอบการนำร่องเปิดโรงงาน นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การปรับทั้ง 2 รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเป็นไปตามอำนาจตามมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญ และไม่ตอบกรณีผู้สื่อข่าวถามถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ

ขณะที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนายสุชาติ ชมกลิ่น และนายชัยวุฒิ ธนาคมนานุสรณ์ ต่างมั่นใจว่า กรณีของร้อยเอกธรรมนัส จะไม่กระทบกับพรรคพลังประชารัฐ ที่ต่างสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร หัวหน้าพรรค ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลขาธิการพรรค และเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปี และการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นในเดือนมีนาคม 2566

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ขอบคุณทุกกำลังใจและให้สัญญาว่าจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจที่มีเพื่อพี่น้องประชาชนตลอดไปตามที่ตั้งใจมั่นไว้เสมอมาครับ"

มีรายงานว่าการสั่งปลด 2 รัฐมนตรีที่มีความใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร ทำให้ความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3 ป สั่นสะเทือนพอสมควร เพราะถือเป็นการเข้ามากระชับอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ ของพลเอกประยุทธ์ และพลเอกอนุพงษ์ ที่ต้องจับตาว่า พลเอกประวิตร จะตัดสินใจอย่างไร หากยอมปล่อยมือร้อยเอกธรรมนัส ก็ยังสามารถรวมพรรคพลังประชารัฐ ให้กลับมาใหม่ได้ แต่ในทางการเมืองจะเดินต่อไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ยังต้องติดตามว่า ร้อยเอกธรรมนัส จะใช้วิธีลาออก หรือให้พรรคขับออก ซึ่งมีรายงานว่ากำลังพยายามเสนอวิธีนี้ เพราะยังสามารถหาสังกัดพรรคใหม่ภายใน 30 วัน