'สุชาติ' ปัดตอบปรับโครงสร้าง ใครเหมาะสมนั่งเลขาฯ พปชร. เป็นเรื่องหัวหน้าพรรค เชื่อไม่มีใครย้ายออกตาม 'ธรรมนัส' เพราะไม่มีอนาคตทางการเมือง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การปรับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่าและนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส ประกาศจะย้ายพรรค ว่าจะต้องมีการปรับโครงสร้างเลือกเลขาธิการพรรคคนใหม่หรือไม่ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ภายในพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะตนและสมาชิกพรรค ที่ผู้ตัดสินใจมาทำงานการเมืองก็เพื่อประเทศชาติ บ้านเมือง อยู่จุดไหนให้ทำหน้าที่ของตนให้ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด

ส่วนอนาคต ทางการเมืองของ ร้อยเอกธรรมนัส หลังจากนี้คิดแทนไม่ได้ แต่ทางการเมือง ส.ส.ทุกคน มีพื้นที่และมาจากเสียงของประชาชน การที่มาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เพราะเสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค เป็นศูนย์รวมจิตใจของสมาชิกพรรค ไม่ได้มีประเด็นอื่น ส่วนการทำงานที่พรรคหลังจากนี้จะต้องมีการหารือกัน

พร้อมกันนี้ยังเชื่อว่าไม่มีใครลาออกตาม ร้อยเอกธรรมนัส คนที่เข้ามาในพรรคเพราะ พลเอกประยุทธ์ และมี พลเอกประวิตร ที่เป็นหัวหน้าพรรค หากจะย้ายออกไปก็ไม่มีอนาคตทางการเมือง จะย้ายไปทำไม และยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าใครจะมาเป็นเลขาธิการพรรคแทน เพราะตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารพรรค ทั้งหมดขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคและสมาชิก วันนี้ต้องยอมรับทุกคนมาด้วยเสียงประชาชนเลือกเข้ามา

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้พรรคพลังประชารัฐกลับมามีความสามัคคีแน่นแฟ้นมากขึ้นหรือไม่ นายสุชาติ บอกว่าพรรคพลังประชารัฐ มีความสามัคคีเหนียวแน่น เพราะมีหัวหน้าพรรคที่ทุกคนให้ความเคารพ ขณะก่อนหน้านี้เลขาธิการพรรค คือนายอนุชา นาคาศัย ก็ไม่ได้มีประเด็นอะไร และมีการเปลี่ยนเป็นร้อยเอกธรรมนัส ก็ยังเหมือนเดิมเพราะมีพลเอกประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค

โดยระยะเวลา 2-3 ปีที่ ส.ส. มาอยู่ร่วมกันในพรรคพลังประชารัฐร่วมกัน ทำให้มีความเข้มแข็งสามัคคีกันมากขึ้น ไม่มีปัญหา จากนี้ไปก็ไม่มีปัญหา เพราะทุกคนที่มาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนเปลี่ยนผู้บริหารบริษัท

นายสุชาติ ยืนยันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรค ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค และเชื่อว่าหลังจากนี้จะไม่มีเอฟเฟคการเมืองในพรรคพลังประชารัฐอีก บางคนอาจจะมีความสนิทสนมกันซึ่งบางคนอาจจะมีความสนิทสนมกัน แต่ไม่ใช่ว่ามีการแบ่งเป็นกลุ่มก๊วน เพราะทุกคนต้องฟังหัวหน้าพรรคและนโยบายพรรถ้าอยู่ในพรรคแล้วไม่เคารพหัวหน้าและนโยบายพรรคก็อยู่ด้วยกันไม่ได้

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนให้พรรคหรือไม่ นายสุชาติย้ำว่าตนเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง จึงไม่สามารถพูดได้ แต่ยืนยันตนและเพื่อน ส.ส.เข้ามาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ทำงานเหนื่อยมาก

ขณะที่พลเอกประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคก็ดูแลลูกพรรคเป็นอย่างดี และมีอะไรนายกฯ ก็คุยก็คุยกับ พลเอกประวิตร ขณะที่ตนเป็นรัฐมนตรี ทำงานยังเหนื่อยจึงอาจมีเวลาน้อยที่จะไปเจอเพื่อน