วิจัยสหรัฐฯ ชี้ กลุ่มลองโควิด เสี่ยงปัญหาเกี่ยวกับไต - หายโควิด ยังได้กลิ่นเพี้ยน

ต่างประเทศ

วิจัยสหรัฐฯ ชี้ กลุ่มลองโควิด เสี่ยงปัญหาเกี่ยวกับไต - หายโควิด ยังได้กลิ่นเพี้ยน

โดย passamon_a

5 ก.ย. 2564

909 views

ผลวิจัยของสหรัฐฯ ชี้ว่า ผู้ที่อาการเรื้อรัง หลังหายจากโควิด-19 หรือที่เรียกว่า "ลอง โควิด" มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาไตในอนาคต และผู้สูญเสียการรับรู้กลิ่น ในช่วงติดโควิด อาจมีการรับรู้กลิ่นผิดเพี้ยน 6-7 เดือน หลังหายจากโควิดแล้ว


ในวารสาร American Society of Nephrology เผยแพร่งานวิจัย ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลของชาวอเมริกันกว่า 1.7 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ มีผู้ที่รอดชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 9 หมื่นคน ซึ่งมีอาการป่วย อย่างน้อย 30 วัน พบว่าผู้ที่มีอาการป่วยเรื้อรัง หลังหายจากโควิด หรือ ลอง โควิด มีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับไต เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อโควิด โดยพบว่า ร้อยละ 5 ของกลุ่มลอง โควิด มีค่าการทำงานของไต ลดลงอย่างน้อย ร้อยละ 30


ขณะเดียวกันมีงานวิจัยใหม่ เกี่ยวกับกลุ่มที่มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น อันเนื่องมาจากติดโควิด ซึ่งตามปกติแล้ว ผู้ที่หายป่วยโควิดจะกลับมาได้กลิ่นเป็นปกติ และก็พบว่าผู้หายจากโควิด จำนวนหนึ่ง ที่ยังคงได้กลิ่นผิดเพี้ยน และได้กลิ่นที่ไม่สามารถอธิบายได้ โดยงานวิจัยชิ้นนี้ ได้นำข้อมูลจากผู้ติดเชื้อโควิด 1,468 คน ที่มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ในระหว่างเดือนเมษายน-กันยายน ปีที่แล้ว มาวิเคราะห์


ปรากฏว่า ร้อยละ 10 พบว่ายังมีการรับรู้กลิ่นที่ผิดเพี้ยน หรือ พารอสเมีย (Parosmia) และได้รับรู้กลิ่นที่ไม่มีอยู่จริง ที่เรียกกันว่า แฟนโทสเมีย (Phantosmia) รายงานยังระบุด้วยว่า โดยเฉลี่ย 6-7 เดือน หลังจากมีอาการป่วยโควิด และสูญเสียการได้กลิ่นครั้งแรก พบว่าผู้หญิง ร้อยละ 60 และผู้ชาย ร้อยละ 48 ของผู้ที่สูญเสียการได้กลิ่น จะกลับมารับรู้กลิ่นได้ ไม่ถึงร้อยละ 80 ของความสามารถรับรู้กลิ่นในก่อนที่ตัวเองจะติดเชื้อโควิด และว่า อัตราการรับรู้กลิ่นที่ผิดเพี้ยน และกลิ่นที่ไม่มีอยู่จริง เพิ่มมากขึ้นด้วย


โดยผู้ที่มีอาการรับรู้กลิ่นที่ผิดเพี้ยน หรือ Parosmia ร้อยละ 47 บอกว่า บางครั้งก็ได้กลิ่นเหมือนสารเคมี ขณะที่ร้อยละ 25 ของ ผู้ที่ได้กลิ่นที่ไม่มีอยู่จริง หรือ Phantosmia บอกว่า จมูกได้กลิ่นเหมือนมีอะไรไหม้ ๆ อยู่คนเดียว ทั้ง ๆ สภาพแวดล้อมรอบข้าง ไม่มีอะไรไหม้เลย


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/8qA7xnbm7q4

คุณอาจสนใจ

Related News