ประเด็นปฏิบัติการไอโอ หลังจากนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล นำทั้งคลิป และเอกสาร มาเปิดเผยกลางสภา 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า กองทัพมีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารจริง แต่ทำเพื่อประชาสัมพันธ์ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งเท่านั้นไม่ได้ให้ร้ายใคร พร้อมชี้แจงกรณีเอกสาร ที่นายณัฐชา นำมาอภิปราย ว่า เป็นเอกสารเท็จ โดยพบพิรุธในเอกสารหลายจุด ทั้ง ลายเซ็น ที่ไม่ตรงกับผู้บังคับบัญชาคนปัจจุบัน

เอกสารลายมือชื่อของผู้บริหาร ที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว รวมถึงรายชื่อ นายทหารที่อ้างถึง ก็เขียนยศและตำแหน่งผิดหลายจุด มีการลงเลขที่เอกสาร 1121 มากกว่าลำดับการออกเอกสารภายในหน่วยงาน ที่เพิ่งมีถึง ลำดับที่ 851 ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ กองทัพบกได้รับความเสียหาย จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

ด้านนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิงจากกรณีการอภิปรายถึงปฏิบัติการไอโอเมื่อคืนวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังพลเอกชัยชาญ ช้างมงคล ชี้แจงว่า ยากให้พลเอกชัยชาญตอบให้ชัดว่า คลิปวิดีโอและรูปที่ตนนำมาอภิปรายเป็นจริงหรือไม่ การที่บอกว่าพิมพ์ชื่อผิด ลายเซ็นไม่เหมือน ตนไม่สามารถไปสอนภาษาไทยในกองทัพได้ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าถูกหรือผิด

แต่สิ่งที่จะต้องใช้ชัดว่าภาระกิจให้ทหารปลอมตัวเป็นประชาชน มอบหมายให้หน่วยงาน กรม กองต่างๆจริงหรือไม่ และเป็นปฏิบัติการอะไร เพราะในภาพมีความชัดเจนว่าเป็นปฎิบัติการข่าวสารคอยด้อยค่าฝั่งตรงข้ามและสนับสนุนงานรัฐบาล ภารกิจแบบนี้เป็นภารกิจของฝ่ายความมั่นคงใช่หรือไม่

ส่วนเอกสารที่พลเอกชัยชาญบอกว่าไม่จริง ตอนเย็นดีรับผิดชอบทุกอย่างที่นำมาอภิปราย แต่ขอให้ไปว่ากันในชั้นศาล เพื่อเรียกพยานทั้ง 100 คนตามบัญชีรายชื่อ พี่ถูกส่งไปอบรมมาให้การต่อศาล เพราะตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามแล้ว แต่ละคนไม่เต็มใจแต่ต้องทำตามผู้บังคับบัญชาสั่ง

ด้าน พลเอกชัยชาญ ชี้แจงว่า เอกสารหลักฐานที่นำมาอภิปราย เป็นการตรวจสอบในเบื้องต้นยืนยันว่าไม่ใช่เอกสารจริง ขณะนี้กองทัพบกและกองทัพภาคที่ 2 พี่ได้รับความเสียหายก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพถ่ายและ คลิปวิดีโอหรือเอกสารที่นายณัฐชานำมาอภิปราย และส่วนหน่วยที่ได้รับความเสียหาย ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาชี้แจงว่า เอกสารดังกล่าวถือเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ ที่ได้มีการปลอมแปลงทั้งรูปแบบไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ รวมทั้งการลงลายมือชื่อไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง หน่วยจึงได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เป็นหลักฐานแล้ว

ส่วนกรณีมีการอภิปรายว่ามีการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงกำลังพลพร้อมทั้งมีคลิปเสียงและรูปภาพประกอบ กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่า หน่วยไม่เคยได้รับการสนับสนุนงบประมาณตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ทราบที่มาของคลิปเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปภาพการยืนต่อแถวรับเบี้ยเลี้ยงตามที่กล่าวอ้างนั้น เป็นภาพเก่าของการจ่ายเบี้ยเลี้ยงตามปกติของหน่วยก่อนการแพร่ระบาดของโควิด

สังเกตได้จากกำลังพล ไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย ตามมาตรการที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนด จึงเรียนมาเพื่อทราบในข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ต่อการดำเนินการของหน่วย 

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/rAOuxu1C8Y8