การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วันที่ 2 ฝ่ายค้านมุ่งซักฟอก พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ปมจัดซื้อวัคซีน และชุดตรวจ ATK

(1 ก.ย.) การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วันที่ 2 พรรคร่วมฝ่ายค้านมุ่งเน้นอภิปรายความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ และการจัดการโควิด-19 ซึ่งยังเน้นไปที่การจัดหาวัคซีน ที่พยายามชี้ให้เห็นว่า ทั้งพลเอกประยุทธ์ และ นายอนุทิน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยข้าราชการระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงแทน ยืนยันว่า การจัดการทุกขั้นตอนโปร่งใส โดยเฉพาะสูตรไขว้วัคซีนของไทย มีงานวิจัยรับรองและเตรียมตีพิมพ์ในงานวิจัยระดับโลก

นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล แท็กทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่บริหารจัดการวัคซีนและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผิดพลาด

โดย นพ.วาโย เปิดงานวิจัยระดับโลกอัดรัฐ รู้ดีว่าชิโนแวค รับมือเดลต้าไม่ได้ แต่ยังดึงดันสั่งไม่ฟังคำเตือน แม้แต่คนใกล้ตัว ซึ่ง นายอนุทิน จะต้องร่วมรับผิดชอบกับกรณีความผิดพลาดนี้ด้วย แม้จะเคยบอกว่าไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการจัดซื้อวัคซีน เพียงแค่ให้กำลังใจ แต่ในการยื่นเรื่องขออนุญาต การขอขึ้นทะเบียน การนำเข้า การจัดหา การประสาน หรือติดต่อกับต่างประเทศ และการจัดสรรวัคซีนที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขทั้งสิ้น และนายกรัฐมนตรี ที่รวบอำนาจมาที่ตัวเอง ไม่ทำให้ถูกต้องก็ เท่ากับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมอชอบ

ขณะที่ นายวิโรจน์ เน้นไปที่สัญญาการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ที่ชี้ให้เห็นว่าไม่ได้เกิดจากความไม่รู้หรือประมาทเลินเล่อ แต่เป็นความจงใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ดึงดันจะพาประชาชนทั้งประเทศไปเสี่ยงกับความตาย และรัฐบาลออกมายอมรับแล้วว่า ส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 61 ล้านโดส ได้ขยายกรอบเวลาในการส่งมอบไปที่ 1 พฤษภาคม 2565

โดยในสัญญาไม่ได้มีการระบุว่าต้องส่งมอบทั้ง 61 ล้านโดสภายในปี 2564 และไม่มั่นใจว่าจะสามารถบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีน ในการจำกัดการส่งออกได้หรือไม่ รวมถึงการไม่จัดหาวัคซีนไฟเซอร์ มาเป็นทางเลือก และระบุว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของนายอนุทิน ทุกๆ ชั่วโมงจะมีคนตาย 10 ศพ หรือวันละ 200 กว่าศพ

ในประเด็นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ไม่ได้ชี้แจงในสภา แต่ให้ข้าราชการระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข มาแถลงข่าวชี้แจง นำโดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันถึงการฉีดวัคซีนไขว้ ผ่านความเห็นของคณะกรรมการวิชาการอย่างรอบคอบ วัคซีนทุกตัวที่ไทยใช้ ปลอดภัย ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ฉีดสะสมแล้วกว่า 32 ล้านโดส ไม่พบว่าเสียชีวิตจากวัคซีน และภาคในปีนี้จะมีวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส

ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กำลังจะมีการนำสูตรไขว้วัคซีนชิโนแวคและแอสตร้า ตีพิมพ์ในงานวิจัยระดับโลก ซึ่งต้องใช้เวลา และการฉีดซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 แล้วฉีดแอสตร้าฯ เป็นเข็ม 2 จำนวนหลายพันคน พบว่า ภูมิคุ้มกันขึ้นสูง และไม่มีผลข้างเคียง ทั้งนี้ ยืนยันว่าเราฉีดสูตรไขว้ SA ไปแล้วกว่าล้านคน ยังไม่พบปัญหาใด ๆ จึงขอว่าอย่าพูดให้ประชาชนเกิดความสับสน

สำหรับการอภิปรายช่วงค่ำ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายเป็นคนสุดท้าย ตั้งฉายา พล.อ.ประยุทธ์ เป็น นายกรัฐมนตรี 5 บาป ที่ขโมยความสุขประชาชนไปเป็นปีที่ 8 ยังไม่คืนความสุขให้ตามสัญญา และยังกลายเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่กู้เงิน มากว่า 3.28 ล้านบาท เทียบกับนายกรัฐมนตรี 28 คน กู้รวมกันเพียง 2.39 ล้านบาท พร้อมทั้งกล่าวหา นายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมค้าความตาย บนคราบน้ำตาประชาชน และ ไม่จริงจังกับการปฏิรูปตำรวจ จึงไม่สมควรได้รับความไว้วางใจ

การประชุมสภาผู้แทนวันนี้ปิดการประชุมในเวลา 21.00 น. หลังฝ่ายค้านใช้เวลาไปครบแล้วในวันนี้ และยังเหลือเวลาอภิปรายอีก 2 วัน จำนวน 22 ชั่วโมง ก่อนจะลงมติในวันที่ 4 กันยายน โดยระหว่างการอภิปรายนายจิรายุ ถามหา 6 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย โดยเฉพาะ พลเอกประยุทธ์ ที่ไม่อยู่รับฟังการอภิปราย

และในระหว่างการอภิปรายวันนี้ เป็นที่สังเกตุว่า ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีการตั้งคำถามที่ บรรดารัฐมนตรีไม่ให้ความสนใจกับการอภิปราย เพราะอาจไปทุ่มกำลังกับการหาคะแนนเสียง ที่มีข่าวถึงขั้นจะใช้การลงมติไม่ไว้วางใจเพื่อคว่ำนายกรัฐมนตรี