ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในออสเตรเลียพุ่งทะลุหลัก 1,000 คนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (26 ส.ค.64) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาด

โดยรัฐนิวเซาท์เวลส์ซึ่งมีซิดนีย์เป็นเมืองเอกพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,029 รายในรอบ 24 ชั่วโมง เพิ่มจากสถิติสูงสุด 919 รายเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้า และในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยในซิดนีย์ถึง 969 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ โรงพยาบาลเวสต์มีด และโรงพยาบาลแบล็กทาวน์ ซึ่งให้บริการแก่ประชาชนในย่านตะวันตกของเมือง ต้องตั้งเต็นท์คัดกรองและตรวจหาโควิด-19 ให้แก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทางด้าน เกลดีส์ เบเรจิเคลียน นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ ยืนยันว่าทางการได้เพิ่มจำนวนเครื่องช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วยอาการหนักเป็น 2,000 เครื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว และถึงแม้ระบบจะเริ่ม “ตึงตัว” แต่เชื่อว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ หากประชาชนเข้ารับวัคซีนกันมากขึ้น

เจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ป่วยโควิดอาการหนัก 102 คนจากทั้งหมด 116 คนในรัฐนิวเซาท์เวลส์เป็นผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 คนในรอบ 24 ชั่วโมง หนึ่งในนั้นเป็นชายวัย 30 ปีเศษๆ ซึ่งเสียชีวิตที่บ้าน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากการระบาดระลอกล่าสุดเพิ่มเป็น 79 คน

นอกจากซิดนีย์แล้ว เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอย่างเมลเบิร์น และเมืองหลวงแคนเบอร์ราก็มีการประกาศล็อกดาวน์เข้มงวดเช่นกัน ทำให้ในขณะนี้มีพลเมืองออสซี่ที่อยู่ภายใต้คำสั่งเก็บตัวอยู่บ้านประมาณ 25 ล้านคน