ศึกทนายซัดกันเดือด 'ทนายเดชา vs ทนายตั้ม' ปมคลิปฉาว 'ผกก.โจ้'

เลือกตั้งและการเมือง

ศึกทนายซัดกันเดือด 'ทนายเดชา vs ทนายตั้ม' ปมคลิปฉาว 'ผกก.โจ้'

โดย thichaphat_d

26 ส.ค. 2564

601 views

วานนี้ (25 ส.ค.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เผยแพร่ข้อความสนทนา ซึ่งมีข้อความสื่อถึงการขอความช่วยเหลือให้เปิดเผยคลิปหลักฐาน ผู้กำกับโจ้และทีมจับกุมยาเสพติดชุด 05 สภ.เมืองนครสวรรค์ รีดเงินสองผัวเมียผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 ล้าน ใช้ถุงดำคลุมหัวหนึ่งในผู้ต้องหาจนเสียชีวิต


พร้อมระบุข้อความ “เชื่อไหมครับทุกคน ก่อนหน้าที่คลิปจะถึงมือผม ตำรวจยศผู้น้อยแต่ใจใหญ่ ผู้ที่สิ้นหวังและอยากได้ความเป็นธรรม ให้กับผู้ต้องหาที่ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ได้ส่งคลิปนี้ให้คน ๆ หนึ่ง แต่คนที่ได้รับคลิปกลับนำไปเรียกขอผลประโยชน์กับฆาตกร ผมเห็นคนชื่นชมเขามากมาย ว่าใจกล้า สุดยอด แต่ความเป็นจริงมันเป็นแบบนี้ ดูแล้วพิจารณากันเองนะครับ”


โดยข้อความสนทนาระบุอ้างว่า “ผมเป็นตำรวจอยู่นครสวรรค์ อยากจะมาขอความช่วยเหลือทนายตั้มเกี่ยวกับผู้กำกับที่รีดเงินคดียาที่สื่อเสนอข่าวไปแล้ว ก่อนหน้านี้ ผมได้เอาข้อมูลไปให้.....พร้อมคลิปหลักฐาน แต่กลับเอาคลิปที่ผมให้ไปต่อรองผลประโยชน์กับผู้กำกับ ไม่ยอมเปิดเผยคลิปนี้ต่อสาธารณะ หากคดีผู้กำกับหลุดรอดไปได้พวกผมไม่มีชีวิตอยู่แน่”


ต่อมาทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า “การนำคลิป คดีตำรวจคุมหัวผู้ต้องหาจนขาดอากาศมาเปิดเผยจนทำให้คนร้ายหลบหนีไป ไม่สามารถจับตัวได้ทำให้เกิดความเสียหายในกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างมาก”


ทนายเดชา ยังได้โพสต์เพจเฟซบุ๊กอีกว่า “มีทนายความคนหนึ่งโพสต์ว่า มีทนายมีคลิปอยู่แล้วไปตบทรัพย์ตำรวจ ถ้าเป็นเรื่องจริงให้เอามาแถลงข่าวเลยครับ ผมยินดีเข้าร่วมการแถลงข่าวกลัวจะเป็นเรื่องเท็จ ใส่ร้ายทำลายผู้อื่น ความจริงมีสิ่งเดียว” การตบทรัพย์ผู้อื่นและข่มขู่เผยความลับ มีความผิดฐานรีดเอาทรัพย์มีโทษสูงสุด 10 ปี ครับ ใครกล่าวหาว่าผมตบทรัพย์แจ้งความด้วยนะครับถ้าไม่ไปแจ้งความหมาเลยนะครับ


ทนายเดชา เผยว่า ตนเป็นเพียงผู้เปิดเรื่องเปิดประเด็นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบของการกระทำผิดต่อไป คลิปดังกล่าวนี้ถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งยังอยู่ในสำนวนคดีจึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน แต่การที่ทนายตั้มได้เปิดเผยคลิปออกไปกลับทำให้ผู้ต้องหาได้ทำการหลบหนีไปแล้ว ทำให้ตำรวจทำงานยากสร้างความเสียหายให้กับกระบวนการยุติธรรม


ตนเพิ่งได้คลิปมาเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ก่อนหน้าที่ทนายตั้มจะเอาคลิปมาโพสต์เผยแพร่ คลิปที่ทนายตั้มได้รับจากตำรวจนายหนึ่ง ไม่ได้อยู่ใน สภ.เมืองนครสวรรค์ และไม่ใช่ตำรวจที่ปรากฎในคลิป ผมก็ได้เหมือนกัน เวลาไล่เลี่ยกันเลย ทนายษิทราได้คลิปมาจากกลุ่มไลน์ตำรวจ ไม่ไม่มีใครเอามาออกสื่อ ตำรวจที่ส่งคลิปให้กับตน ต้องการให้นำคลิปไปโพสต์และเฟซบุ๊กไลฟ์ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าคลิปจริงหรือไม่ หรือเป็นคลิปตัดต่อหรือสถานที่ใด อีกทั้งเห็นว่าเจ้าหน้าที่กำลังทำงาน อยู่ในสำนวนยังสอบลสวนไม่เสร็จ ตำรวจนายดังกล่าวขออย่าเพิ่งเผยแพร่คลิป เกรงว่าคนร้ายจะรู้ตัวหลบหนี ทำให้คดีเสียหาย จึงไม่ได้โพสต์อะไร หากไม่ทำงานปล่อย 2-3 เดือน ตนอาจนำคลิปมาโพสต์ประจาน พอทนายตั้มนำคลิปมาโพสต์ผู้กำกับโจ้ หลบหนีเลย มันไม่ได้ประโยชน์ มันเป็นวัตถุพยานสำคัญในการพิสูจน์ความผิดผู้ต้องหา ควรออกหมายจับให้เรียบร้อยก่อน ทำให้ตำรวจทำงานยากขึ้น


“กระบวนการยุติธรรมไม่มีใครนำคลิปมาเปิดหรอก คุณอาจได้ชื่อเป็นฮีโร แต่ความเสียหายมันเยอะต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย เรียนกฎหมายมาต้องคิดให้มากๆ พวกเอกสารเป็นความลับในสำนวนจะนำมาเปิดเผยทำไม ยกเว้นเสียว่าจับกุมติดคุกหรือค้านประกัน จะนำคลิปมาปล่อยก็ไม่เป็นไร การเปิดเป็นเรื่องดีประชาชนจะได้เห็น แต่ระยะเวลาตนมองว่าไม่เหมาะสม แล้วมาแซะตนเพราะตนกับทนายคนดังกล่าวโกรธเคืองทะเลาะกับตนอยู่ ก็มาใส่ร้าย”


“ส่วนที่ระบุว่าตนเองมีคลิปดังกล่าวนานแล้ว และนำไปตบทรัพย์ไม่เป็นความจริงเป็นความเท็จทั้งหมด ยอมรับก่อนหน้านี้มีตำรวจอ้างว่าอยู่นครสวรรค์ โทรมาด้วยวาจาถึงคลิปดังกล่าว จริงเท็จตนไม่ไม่รู้เป็นใคร และไม่เคยไปเรียกเงินผู้กำกับโจ้อย่างที่ถูกสังคมสงสัย แม้จะไม่เอ่ยชื่อแต่ทุกคนก็เข้าใจว่าเป็นตน และไม่ได้ร้อนตัว นักข่าวโทรมาสอบถามเต็มไปหมดว่าตนทำอย่างนั้นจริงหรือไม่ ชื่อเสียงตนเสียหายเพราะไม่ได้ทำ จะทำไปเพื่ออะไร”


สิ่งที่ทนายคนดังกล่าวพูด หากมีหลักฐานให้ไปแจ้งความดำเนินคดีจับตน เพราะการกระทำอย่างนั้นเป็นการรีดเอาทรัพย์ เป็นความผิดอาญา โทษจำคุก 1-10 ปี ตาม ม.338 เขาเป็นทนายความย่อมรู้ดี และขอให้เปิดเผยรายชื่อบุคคลที่ตำรวจบอกว่าได้ส่งคลิปให้ แล้วเอาคลิปไปเรียกเงินผู้กำกับโจ้ เพราะหากทนายตั้มไม่แจ้งความดำเนินคดีก็หมาตัวหนึ่ง ไม่ใช่นำมาโพสต์อย่างนี้ มีหลักฐานก็นำมาโชว์ เป็นแชทที่ทำขึ้นเองหรือไม่ ส่วนที่ระบุว่าตนเรียกผลประโยชน์ 20 ล้านบาท ยืนยันไม่รู้เรื่อง เป็นกระบวนการทำลายชื่อเสียง รอดูท่าทีถ้าไม่หยุดจะฟ้องเพื่อศักดิ์ศรี รอผู้ใหญ่ไฟเขียว


ด้านทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ยืนยันว่า ได้รับคลิปเหตุการณ์ผู้กำกับโจ้กับพวกทำร้ายผู้ต้องหายาเสพติดจากตำรวจรายหนึ่ง เพราะต้องการให้ตนเปิดโปงความจริงในเรื่องนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเอาคลิปดังกล่าวไปให้บุคคลคนหนึ่งแล้ว แต่เรื่องเงียบและยังมีการเอาคลิปไปเรียกเงินผู้กำกับโจ้ จนทำให้ตำรวจนายนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย


ส่วนเหตุผลที่ต้องปิดบังชื่อบุคคลที่ได้รับคลิปจากตำรวจ เพื่อความปลอดภัยของตำรวจนายนี้ ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าบุคคลคนนี้ได้เอาคลิปไปขู่ผู้กำกับกับโจ้และเรียกเงิน 20 ล้านบาทนั้น ตนไม่ได้พูดและไม่รู้จำนวนที่แท้จริง “หลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับการรีดเอาทรัพย์จะค่อยทยอยเปิดมาเรื่อย ๆ จะยังไม่เปิดเผย ปล่อยให้ร้อนตัว ส่วนพยานที่มาร้องเรียนตอนนี้มีความกลัวมาก หากเปิดเผยตัวพยานจะเกิดอันตราย เรื่องที่เกิดมีที่มาที่ไปแน่นอน คนที่ให้ข้อมูลกับผมเขากลัวผู้กำกับอยู่”


ทนายตั้ม เผยกับผู้สื่อข่าว ก่อนหน้านี้คลิปดังกล่าวมีตำรวจนายหนึ่งส่งให้กับคน ๆ หนึ่ง ที่เห็นว่าน่าเชื่อถือเพื่อส่งมอบต่อเจ้าพนักงานตำรวจและนำมาเปิดสู่สาธารณะ ปรากฎว่าพอได้คลิปไปแล้วกลับนำไปติดต่อเรียกรับผลประโยชน์กับผู้กำกับ เพื่อจะไม่เปิดเผยคลิปนี้ เพราะถ้าคลิปนี้ไม่ถูกนำเข้าสำนวน โอกาสที่ตำรวจกระทำความผิดค่อนข้างสูงไม่รอดแน่นอน


“คนที่ให้คลิปกับผมไม่ใช่คนที่ปรากฎอยู่ในคลิป เขาตัดพ้อว่าให้ไปแล้วก็เอาไปเรียกรับผลประโยชน์ ขอไม่เอ่ยชื่อใคร ใครร้อนตัวก็รับไป จึงส่งคลิปนี้มาให้ตนเอาเข้าสู่สำนวนและนำไปเปิดเผยความจริง ตนจึงโพสต์เผยแพร่ไป ส่วนข้อความแชทเป็นข้อความจริงไม่ได้ปลอมหรือขึ้นมาใส่ร้ายใคร คลิปนี้ส่งมาพร้อมกับแชทข้อความตรวจสอบได้”


ส่วนที่ระบุว่าไม่ควรนำคลิปมาเปิดสู่สาธารณชน ทั้งนี้หลังจากที่ตนนำคลิปมาเผยแพร่คดีเดินหน้าขนาดไหน ไม่กี่ชั่วโทงที่เผยแพร่คลิปออกไป ผบ.ตร. ก็ให้ผู้กำกับโจ้ ออกจากราชการไว้ก่อน ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็มีหมายจับ ถ้าไม่มีคลิปคดีก็ไม่คืบหน้า ไม่ใช่ว่าตัวเองมีคลิปแล้วนำมาเห็บไว้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะสังคมคลางแคลงใจเป็นไปตามที่ตำรวจบอกว่าเสียชีวิตตายเองหรือไม่ หลังเห็นคลิปทุกคนตาสว่าง


ทนายตั้ม ระบุว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้เป็นผู้เสียหายถูกเรียกรับเงิน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร เพียงแค่ได้รับทราบข้อมูลมาเท่านั้นเอง การที่บอกว่าหากไม่ไปแจ้งความก็หมาตัวหนึ่ง มันตลกมาก หากใครเสียหายอยากไปดำเนินคดีก็ไปทำ และหาพยานหลักฐานไปด้วย แต่พยานที่ให้ข้อมูลผมมาไม่ออกสื่อแน่นอน เพราะไม่ปลอดภัย “ผมให้ข้อมูลตามข้อเท็จจริง ไม่ได้เพิ่มเติมจากที่ผมได้รับข้อมูลมา หากไม่ได้ทำอย่าร้อนตัว”


ล่าสุดช่วงค่ำที่ผ่านมา ทนายตั้ม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ถ้าถามว่าผมกลัวไหม คนเราเกิดหนเดียว ตายหนเดียวครับ สิ่งที่ผมเชื่อมั่นมาตลอด ไม่ใช่เรื่องกระแสชี้นำไปทางไหน ก็อยู่ทางนั้น แต่คือการอยู่ข้างความจริง และไม่มีใครสมควรรับโทษเกินความผิดที่ทำ ขอบคุณที่ติดตามและซัพพอร์ทกันตลอดมา ดูกันไปเรื่อย ๆ ครับ โลกเรามีคนที่ไม่กล้าพูดความจริง เพราะกลัวตัวเองเดือดร้อนมากไปแล้ว ผมเชื่อเสมอว่าหนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/5iUkcxpehlo

คุณอาจสนใจ

Related News