รัฐสภาฯ เห็นชอบ เปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ใช้บัตร 2 ใบ แบ่งเขต 400 ปาร์ตี้ลิสต์ 100

เลือกตั้งและการเมือง

รัฐสภาฯ เห็นชอบ เปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ใช้บัตร 2 ใบ แบ่งเขต 400 ปาร์ตี้ลิสต์ 100

โดย pattraporn_a

25 ส.ค. 2564

953 views

ที่ประชุมรัฐสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 มีมติเห็นชอบกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ มี ส.ส.เขต 400 คน และบัญชีรายชื่อ 100 คน


การประชุมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง ในวาระ 2 โดยเริ่มที่มาตรา 83 เรื่องจำนวน ส.ส. และจำนวนบัตรเลือกตั้ง กรรมาธิการได้แก้ไขให้มี ส.ส. จำนวน 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คนและแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน และเพิ่มวรรคสองให้การเลือกตั้ง ส.ส.ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนเป็นแบบบัตร 2 ใบ


ซึ่ง ส.ส.จากพรรคการเมืองขนาดเล็กที่ได้ ส.ส.จากระบบบัญชีรายชื่อ ไม่เห็นด้วยในการแก้ไขดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่าควรเพิ่มจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้าสู่วงการการเมือง หรือไม่ก็ควรให้รัฐสภาล้มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไปก่อน เพื่อให้กระบวนการแก้ไขของกรรมาธิการมีความสมบูรณ์มากกว่านี้


นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย มองว่าการแก้ไขระบบเลือกตั้งอาจเป็นการปลุกผี ที่หลายคนเคยกลัวขึ้นมา และอาจทำให้กลายเป็นสภามีเสียงข้างมากเผด็จการ


ขณะที่ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ต่างสนับสนุนจำนวน ส.ส.เขต ตามที่กรรมาธิการพิจารณาแล้ว เพราะเห็นว่ามีความเหมาะสม หากลดจำนวนเขตลงจะทำให้พื้นที่รับผิดชอบแต่ละจังหวัดใหญ่ขึ้น จำนวน ส.ส.ไม่เพียงพอ ต่อการรับฟังปัญหาประชาชน อีกทั้งค่าใช้จ่ายของ ส.ส.เขต ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย


โดน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงว่าการแก้ไขระบบเลือกตั้งตามที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอนั้น เพื่อต้องการแก้ปัญหาเรื่องบัตรเขย่ง และผลเลือกตั้งที่ทำให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อย ที่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล


ส่วนพรรคก้าวไกล แม้จะสนับสนุนการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ แต่ไม่เห็นด้วยกับการคำนวณ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยสนับสนุนให้มีจำนวน ส.ส.แบ่งเขต 350 คน และบัญชีรายชื่อ 150 คน


นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เสนอให้ออกแบบการเมืองการเลือกตั้งบน 3 เงื่อนไข คือ ให้สนับสนุนประสิทธิภาพของระบบรัฐสภา สร้างความเข็มแข็งสถาบันพรรคการเมือง และสามารถรับความหลากหลายทางความคิดที่แตกต่างของคนในชาติได้ รวมถึงให้สภาฯ เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยความคิดเห็นแตกต่าง ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะออกแบบ ไม่ควรผลักประชาชนให้เกิดความรู้สึกว่ารัฐสภาไม่ใช่พื้นที่ของประชาชน


ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย ไม่ขอร่วมการอภิปรายในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะลงมติงดออกเสียง ทั้งวาระ 2 และ 3


ส่วน ส.ว.มองว่าสัดส่วน ส.ส. 400 ต่อ 100 คน ในการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ มีความเหมาะสม แล้วเพื่อไม่ให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กลายเป็นของสมนาคุณของพรรคการเมืองขนาดใหญ่


ที่ประชุมมีมติเห็นชอบใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และแบ่งเขตเลือกตั้งจาก 350 คน เป็น 400 ตามกรรมาธิการแก้ไข


ส่วนมาตรา 91 เรื่องการคำนวณหา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับกรรมาธิการ ยกเว้นพรรคเล็ก และพรรคก้าวไกล โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.พรรคก้าวไกล มองว่าการคำนวณ ส.ส.ที่กรรมาธิการปรับแก้ ไม่สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของประชาชน ไม่ต่างกับการย้อนกลับไปเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่มีปัญหาทำให้พรรคการเมืองใหญ่ที่ได้ ส.ส.เขตมากอยู่แล้วยิ่งมีบัญชีรายชื่อมากขึ้นไปอีก


นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านพรรคเพื่อไทย มองว่า วิธีคิดคำนวณส.ส.แบบพรรคก้าวไกล ที่นำเสนอในที่ประชุม ไม่ต่างอะไรกับรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีความคาดเคลื่อนและไม่สะท้อนข้อเท็จจริง พร้อมท้าพรรคก้าวไกลให้นำแนวทางที่เสนอในสภาไปทำประชามติถามประชาชนว่าการสะท้อนความนิยมของประชาชนคือการนำคะแนนที่เลือกพรรคและคนมารวมกัน หรือจะเอาเฉพาะคะแนนพรรคมาคำนวณ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะเลือกทั้งพรรคและคน ขอพรรคก้าวไกลอย่าใช้สภาหรือนักวิชาการ 2-3 คน มาตัดสินโมเมเอาเฉพาะคะแนนพรรคซึ่งจะทำให้เกิดการถกเถียงในวงกว้างอย่างแน่นอน


ซึ่งที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามที่กรรมาธิการปรับแก้ไข จากนั้นต้องเว้นระยะเวลา 15 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ก่อนจะลงมติวาระสามต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News