เตือนมิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊ก และทักไปขอยืมเงินระบาดอีกครั้ง ส่งข้อความไปหลอกขอยืมเงินบุคคลที่เป็นเพื่อน ญาติพี่น้อง ใครไม่ทันระวังตัวอาจตกเป็นเหยื่อได้

โดยเคสหนึ่งเกิดขึ้นกับคุณชบา นริทรสรศักดิ์ ข้าราชการบำนาญ ซึ่งเปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า ถูกมิจฉาชีพใช้เฟซบุ๊กของคนรู้จักมาขอทำทียืมเงิน อ้างว่าจะใช้เพื่อไปลงทุนซื้อรองเท้ายี่ห้อดังในราคาถูก มาขายทำกำไร ด้วยความที่เชื่อว่าเป็นคนที่รู้จักกันดีจึงลงเชื่อ ซื้อบัตรเติมเงินทรูมันนี่ให้มิจฉาชีพถึง 12,000 บาท

นอกจากนี้ยังถูกมิจฉาชีพหลอกให้ตัวเองส่งรหัส OTP เพื่อล็อกอินเข้าเฟซบุ๊กตนเอง โดยอ้างว่าเป็นรหัสยืนยันคำสั่งซื้อสินค้า หลังจากนั้นเฟซบุ๊กของตนเองก็ถูกแฮกไปทำแบบเดียวกันต่อ จนเสียหายไปเกือบ 1 แสนบาท หากทักไปหาใครแล้วไม่ให้เงินก็จะส่งข้อความด่าทอ ตัดพ้อ จนหลายคนหลงโอนเงินให้

ส่วนอีกเคสหนึ่งเกิดขึ้นกับคุณชนิดาภา ฐิติกรยินดี อายุ 55 ปี ก็ถูกมิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊ก โดยออกอุบายโทรมาขอรหัส OTP เช่นเดียวกัน โดยอ้างว่าเป็นรหัสส่งพัสดุ หากไม่ให้ก็จะไม่สามารถส่งพัสดุให้ได้ จึงหลงเชื่อส่งรหัสให้ไป

หลังจากนั้นก็แฮกเข้าเฟซบุ๊กหลอกยืมเงินเพื่อน ญาติพี่น้อง ในเฟซบุ๊กได้เงินไปกว่า 90,000 บาท โดยใช้อุบายว่าเดือดร้อนต้องใช้เงินด่วน แต่คราวนี้ใช้ชื่อบัญชีที่มีตัวตนจริงๆ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ

แต่หลังจากผู้เสียหายได้ตามหมายเลขบัญชีไป ก็พบว่าเป็นคนที่ถูกว่าจ้างให้เปิดบัญชี และเมื่อเงินไปถึงบัญชีดังกล่าวก็จะมีหน้าที่โอนเงินส่งต่อไปยังหมายเลขทรูมันนี่อีกเบอร์หนึ่งที่ได้ตกลงกันไว้ เพื่ออำพรางเส้นทางการเงินทำให้ตามตัวจับได้ยาก

นอกจากนี้ทั้ง 2 กรณีมีลักษณะคล้ายกันคือ คนร้ายจะไม่สามารถเข้าเฟซบุ๊กของใครได้ หากไม่ได้รับรหัส OTP ที่ส่งไปหาเจ้าของเฟซบุ๊กทาง SMS ซึ่งคนร้ายจะออกอุบายต่างๆนาๆ เพื่อเราส่งรหัสให้ และเมื่อคนร้ายเข้าเฟซบุ๊กเราไปได้แล้วนั้น จะทำการเปลี่ยนเปลง Email และ เบอร์โทร ที่ใช้ยืนยันตัวตน เพื่อให้เราไม่สามารถระงับการใช้การได้ทำ และมีเวลาในการปฏิบัติการหลอกลวงผู้อื่น

ฉะนั้นต้องระวังอย่าส่งรหัส OTP ให้ใครเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะอ้างว่าเป็นลูกหลาน หรือ คนที่เราไว้ใจก็ตาม เพราะรหัส OTP เป็นด่านความปลอดภัยชั้นสุดท้ายของข้อมูลส่วนตัวของเรา