สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จีนต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาเพิ่มใน 3 มณฑล โดยมีความเกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์สนามบินในมณฑลเจียงสู ที่ตรวจพบคนงานสนามบินหนานจิงติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา 9 คนเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ยังคงมีการตรวจคัดกรองเชื้อเชิงรุก รวมทั้งการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง

โดยนับตั้งแต่การพบเชื้อในสนามบิน ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อในมณฑลเจียงซูแล้ว 171 ราย และยังมีการระบาดไปยังพื้นที่อื่นๆอีก ได้แก่ มณฑลเสฉวน และที่ปักกิ่ง ทางตอนเหนือของประเทศด้วย -นับว่าเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายเดือนของจีน ท้าทายมาตรการการควบคุมในการสกัดการระบาดของโรคที่ใช้การตรวจหาเชื้อเชิงรุก การแกะรอยโรคอย่างรวดเร็ว และมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดที่จีนใช้ได้ผลมาตลอด

โดยทางการมณฑลเจียงซูได้ประกาศล็อกดาวน์ประชาชนนับแสนคนเพื่อสกัดการระบาด ขณะที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ โรงยิม โรงภาพยนตร์ และผับบาร์ คาราโอเกะ ไม่เว้นแม้แต่ห้องสมุดในหนานจิง ต่างก็ต้องปิดบริการทั้งหมด ขณะเดียวกันภาครัฐก็ตรวจเชื้อครั้งใหญ่ให้ประชาชน 9.2 ล้านคนเป็นครั้งที่ 2 เพื่อหวังคุมการระบาด โดยเฉพาะเป็นการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็ว

นอกจากนั้น ที่มณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 รายในวันพฤหัสบดี

ส่วนกรุงปักกิ่งพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่แล้ว 1 ราย ซึ่งเป็นรายแรกในรอบ 6 เดือน โดยผู้ติดเชื้อรายนี้อาศัยอยู่ย่านชานเมืองกรุงปักกิ่ง และมีผลตรวจเป็นบวกหลังจากกลับจากเทศกาลภาพยนตร์ที่จัดขึ้นในจุดท่องเที่ยวชื่อดังทางตอนกลางของจีน

นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อของคนต่างพื้นที่อีก 1 ราย ในโรงแรมหรูย่านดาวน์ทาวน์ของกรุงปักกิ่ง จนต้องสั่งปิดโรงแรมเพื่อฆ่าเชื้อทั้งหมด

ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่พบในการระบาดระลอกใหม่นี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่รับวัคซีนแล้ว ยิ่งสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนในการรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์ โดยจีนกำลังเร่งมือฉีดวัคซีนให้ประชากรให้ได้อย่างน้อย 65 เปอร์เซ็นต์ จากประชากรทั้งหมด 1.5 พันล้านคนภายในสิ้นปีนี้.