กรมควบคุมโรคเปิดเผยผลศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนซิโนแวค พบว่าป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟ่า ได้ถึง 90% ขณะเดียวกันก็สามารถป้องกันอาการปอดอักเสบได้ 85% ด้วย ขณะที่สภากาชาด ชี้แจงการจัดสรรวัคซีนโมเดอนาให้ท้องถิ่นโดยย้ำให้ฉีดในกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่มก่อน

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคตามรายงานการศึกษาทางระบาดวิทยา ของคณะติดตามประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย ภูเก็ต สมุทรสาคร และเชียงราย ในช่วงเดือนเมษายน 2564 - มิถุนายน 2564 ผลปรากฏว่า วัคซีนมีประสิทธิผล ป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มที่เข้าร่วมการศึกษาใกล้เคียงกัน แบ่งเป็นที่จังหวัดภูเก็ต ได้ผลสูงถึง 90.7% / สมุทรสาครได้ผล 90.5% / และเชียงรายได้ผล 82.8%

ขณะเดียวกันพบว่าซิโนแวคสามารถป้องกันภาวะปอดอักเสบที่มีความรุนแรงได้ 84.9% หากฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม

โดยสรุป คือ ซิโนแวคป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อัลฟ่าได้ประมาณ 90% ป้องกันปอดอักเสบได้ 85% ซึ่งขณะนี้พบสายพันธุ์อัลฟามีการระบาดในภาพรวมทั่วประเทศ 34%

นายแพทย์โอภาสได้ยก ข้อสนับสนุนจาก องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่ระบุว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิผลในการป้องกันอาการป่วยจากเชื้อโควิดได้ 51% และป้องกันการป่วยที่รุนแรงที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ 100% เป็นวัคซีนลำดับที่ 6 ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก รองลงมาจากวัคซีนของไฟเซอร์, แอสตร้าเซนเนก้า, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, โมเดอร์นา, ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค ตามลำดับ

ขณะที่วันนี้สภากาชาดไทยได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 38 จังหวัด ให้จัดทำแผนนำเสนอแผนการฉีดวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม ตามที่สภากาชาดไทยกําหนด โดยต้องผ่านการพิจารณาและเซ็นรับรองจากผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ นำส่งมายังสภากาชาดไทยเพื่อพิจารณาจัดสรรโควต้าวัคซีน พร้อมชําระเงินเป็นที่เรียบร้อยในราคา 1,100 บาทต่อโดส สำหรับกลุ่มเปราะบาง 5 กลุ่มประกอบด้วย

1. บุคลากรทางการแพทย์

2. ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ

3. ผู้ป่วยติดเตียง

4. สตรีมีครรภ์

5. ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป

ซึ่งสภากาชาดไทยจะทยอยจัดสรรวัคซีนให้ดําเนินการฉีด โดยไม่คิดมูลค่าได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป