สหรัฐฯ กลับมาวิตกกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศอีกครั้ง หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) ดร.ปีเตอร์ โฮเทซ (Peter Hotez) คณบดีวิทยาลัยแพทย์เขตร้อนแห่งชาติและวิทยาลัยแพทยศาสตร์เบย์เลอร์ หนึ่งในแพทย์หลายคนในสหรัฐฯ ที่บอกว่า สถานการณ์แพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในประเทศตอนนี้เรียกได้ว่า เป็นโศกนาฏกรรม เพราะผู้ป่วยโควิดเกือบทุกคนที่เข้ามารักษาที่โรงพยาบาล พวกเขามีโอกาสที่จะเลือกฉีดวัคซีนได้ แต่กลับไม่ฉีด และเมื่อการระบาดเพิ่มมากขึ้น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็ต้องกลับมาเหนื่อยอีกครั้ง เหมือนต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เพราะประชาชนไม่ใช้โอกาสในขณะที่พวกเขามี ในเรื่องวัคซีนให้เป็นประโยชน์

ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อโควิด เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า โดยเมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม ผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวัน มีไม่ถึงวันละ 13,700 คน แต่มาตอนนี้ผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน และผู้ติดเชื้อกว่า 80 เปอร์เซนต์ ติดเชื้อโควิด "เดลต้า" การระบาดในครั้งนี้ระบาดในกลุ่มคนหนุ่มสาว ที่ไม่ฉีดวัคซีน

ปัจจุบันชาวอเมริกันฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว 162 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดราว 333 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 49.2 ล่าสุด หลายรัฐเริ่มออกคำแนะนำใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด เมื่อวานนี้ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยเซียน่า นายกเทศมนตรีได้ออกคำแนะนำให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในอาคาร

ด้าน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความไม่พอใจในระหว่างการแถลงนโยบายแบบทาวน์ฮอลล์ ที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นจัดขึ้นที่รัฐโอไฮโอ้ เมื่อวานนี้ กรณีอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศที่ชะลอตัวลง และย้ำว่าสิ่งสำคัญตอนนี้คือ คนอเมริกันต้องฉีดวัคซีน