ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ชี้ หากไทย 'ล็อกดาวน์' ต้องกู้เพิ่มอีก 5 แสนล้าน เพื่อพยุงเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจ

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ชี้ หากไทย 'ล็อกดาวน์' ต้องกู้เพิ่มอีก 5 แสนล้าน เพื่อพยุงเศรษฐกิจ

โดย JitrarutP

8 ก.ค. 2564

871 views

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน 2564 หรือ CCI อยู่ที่ระดับ 43.1 ปรับตัวลดลงจากระดับ 44.7 ในเดือนก่อนหน้า นับว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 272 เดือนหรือ 22 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือนตุลาคม 2541 จากการปรับตัวลดลงของดัชนีทุกรายการที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ผู้บริโภคจะระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย เห็นได้จากดัชนีการซื้อรถยนต์คันใหม่ บ้านใหม่ สินค้าคงทนต่างๆ การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว รวมไปถึงการลงทุนทำธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 28.1 ปรับตัวลดลงจากระดับ 29.2 และ ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตอยู่ที่ระดับ 50.1 ลดลงจากระดับ 52 สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ย่ำแย่อย่างหนัก ขณะที่ดัชนีความสุขก็ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน


อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามของการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานส่งออกซึ่งตอนนี้ยังเป็นฟันเฟืองหลักในการดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ และต้องติดตามการแพร่กระจายของโควิดรอบที่ 4 ว่าจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และรัฐบาลจะมีการประกาศ Lockdown หรือไม่และอย่างไร ตลอดจนรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตเพิ่มเติมหรือไม่และมากน้อยเพียงใด จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคตได้


ซึ่งจากการสอบถามหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ 38.4% ไม่เห็นด้วยกับการล็อคดาวน์ทั่วประเทศเช่นเดียวกับช่วงโควิดรอบที่ 1 เพราะมองว่าเศรษฐกิจแย่อยู่แล้ว จังหวัดเพิ่งได้รับการผ่อนปรนให้ธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้ ในขณะที่ธนาคารก็ไม่ได้ผ่อนปรนการชำระหนี้และรัฐบาลไม่มีมาตรการรองรับ รองลงมา 35.7% คือเห็นด้วย จะได้ยุติการแพร่ระบาด และบางส่วนเห็นว่าควรล็อกดาวน์เฉพาะ พื้นที่สีแดงเข้ม และมากกว่า 90% กังวลว่าจะเกิดปัญหาแรงงานตกงานอย่างหนักเนื่องจากธุรกิจต้องปิดตัว และส่วนใหญ่ 20.6% มองว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ต้องรอไตรมาส 4 ปี 65


ทั้งนี้ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เสนอว่าหาก ต้องล็อคดาวน์ทั่วประเทศ เช่นการระบาดช่วงที่ 1 รัฐบาลจะต้องอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ โดยอาจเพิ่มเงินให้กับโครงการ ม33 , เราชนะ และช่วยเหลือธุรกิจ โดยต้องกู้เงินอีกราว 500,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เพดานหนี้สาธารณะเกินกว่า 62%จากการประเมินว่าหากมีการล็อคดาวน์แบบช่วงระลอก 1 จะสูญเสียเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ 2-3 แสนล้านบาทต่อเดือน


โดยมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 0 ถึง 1% ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้า พี่คาดว่าจะโตได้ 0 ถึง 2% และหากรัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ ไม่ว่าจะทั้งประเทศหรือบางส่วน เศรษฐกิจปีนี้จะติดลบ ซึ่งต้องรอประเมินอีกครั้ง ส่วนการเปิดประเทศ 120 วันที่รัฐบาลประกาศตอนนี้คิดว่าคงทำได้ยาก แต่แผนการเปิดเฉพาะเมือง ยังพอจะเดินหน้าไปได้ซึ่งจะต้องควบคุมเส้นทางการเคลื่อนย้ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาอย่างเข้มงวดและต้องพร้อมเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในแต่ละพื้นที่

คุณอาจสนใจ

Related News