นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักรแถลงยกเลิกการบังคับใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 ในอังกฤษที่ยังเหลือ ตามกำหนด 19 ก.ค.นี้ ซึ่งรวมถึงยกเลิกการบังคับใส่หน้ากากในที่ร่ม การเว้นระยะทางสังคม และคำแนะนำให้ทำงานจากบ้าน

คำประกาศนี้มีขึ้นแม้ว่าแบบจำลองทางวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิดจะเพิ่มขึ้นหลังการคลายล็อกดาวน์ขั้นสุดท้ายลง แต่รัฐบาลเชื่อว่ายอดผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตจะลดลงจากโครงการให้วัคซีนเป็นวงกว้างแก่ประชาชน

กระนั้น นายกรัฐมนตรีของอังกฤษย้ำว่า การระบาดใหญ่ “ยังไม่จบลงง่าย ๆ และจะไม่สิ้นสุดในวันที่ 19 ก.ค. นี้” ในขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และ จำนวนคนป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

โดยล่าสุด อังกฤษมีผู้ติดเชื้อใหมอีกถึง 27,334 คน ทำให้ผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 4,930,534 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 9 คน ทำให้ผู้เสียชีวิตทั้งหมด อยู่ที่ 128,231 คน

นอกจากนั้น ผู้นำอังกฤษยังได้แถลงถึงแผนการ “อยู่ร่วมกับโควิด” หลังวันที่ 19 นี้ ได้แก่

1.ลดระยะเวลาของการฉีดวัคซีน 2 เข็มของผู้มีอายุต่ำกว่า 40 ปี จาก 12 สัปดาห์ เป็น 8 สัปดาห์ โดยมีเป้าหมายให้ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ภายในกลาง ก.ย.

2.จัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 กระตุ้นภูมิให้กลุ่มบุคคลที่มีสุขภาพเปราะบางที่สุด ในช่วงฤดูใบไม่ร่วงนี้

3.ยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคาร แต่ให้ทำตามความสมัครใจ

4.การใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม 1 เมตร หากไม่สามารถทำได้ในระยะ 2 เมตร

5.ยกเลิกข้อกฎหมายว่าด้วยการจำกัดจำนวนคนที่พบกันในอาคารและนอกอาคาร จากที่กำหนดให้คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันสามารถพบปะกันในร่มได้ไม่เกิน 6 คน

6.ยกเลิกการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมคอนเสิร์ต ละครเวที และการแข่งขันกีฬา ธุรกิจทุกประเภทจะกลับมาเปิดได้ตามปกติ รวมทั้งไนต์คลับด้วย