วันนี้ (24 มิ.ย.) ในกรุงเทพมหานคร มีผู้ชุมนุม 3 กลุ่มกระจายตัวอยู่ ทั้งที่ สกายวอล์คปทุมวัน, ทำเนียบรัฐบาล และสะพานผ่านฟ้า

โดยความเคลื่อนไหวของการชุมนุมของกลุ่มไทยไม่ทน ที่บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ขณะนี้เริ่มคึกคักมากขึ้น หลังจากการนำเริ่มเปิดเวทีปราศรัย และปิดการจราจรบางส่วนบนถนนราชดำเนิน

กลุ่มผู้ชุมนุมไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ทยอยรวมตัวกันตั้งแต่ก่อนเวลา 15:00 น. เพื่อเตรียมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลตามยุทธการแม่น้ำร้อยสาย แผนพิฆาตฟ้าทะลายโจร กดดันให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง

เวลาประมาณ 15:45 น. แกนนำได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดการจราจร เปิดทางให้กลุ่มผู้ชุมนุมทำกิจกรรม ก่อนที่จะขยับรถเวทีปราศรัยและรถขยายเสียง ปิดการจราจรบริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดเวทีให้แกนนำและตัวแทนคนรุ่นใหม่ รวมถึงแกนนำเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวที

นายจตุพร พรหมพันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้แผนการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม แต่จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในเวลา 18:00 น. ว่าจะเคลื่อนขบวนหรือปักหลักค้างคืนหรือไม่ และจะมีการประกาศแจ้งบนเวที พร้อมย้ำการเคลื่อนไหวจะยึดหลักสันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง

ด้าน พลตำรวจตรี ปราศรัย จิตตสนธิ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 1 ลงพื้นที่สังเกตการณ์ชุมนุม โดยยืนยันว่าตำรวจไม่ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากขัดต่อกฎหมายภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ส่วนการปิดการจราจรที่ส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชน ทางตำรวจจะต้องหาแนวทางแก้ไข โดยได้ขอให้แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุม ทำกิจกรรมโดยไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนทั่วไป

ขณะที่ กลุ่มประชาชนคนไทย นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ได้นัดรวมตัวกันที่บริเวณแยกอุรุพงษ์เวลา 14 นาฬิกา ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตลอดทางมีเจ้าหน้าตำรวจตั้งจุดสกัดเป็นระยะ ตั้งแต่แยกยมราช และจุดที่ 2 บริเวณแยกนางเลิ้ง มีตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งแนวกั้น แต่ยังไม่มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งใดๆ เกิดขึ้น

นายนิติธร ระบุว่า การเคลื่อนไหววันนี้จะยึดแนวทางสงบสันติ และมองว่าไม่มีเหตุอะไรที่จะนำไปสู่ความรุนแรง พร้อมประกาศชัดเจนว่าจะปักหลักชุมนุมค้างคืนแบบยืดเยื้อที่ทำเนียบรัฐบาล จนกว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/G3xtVeW1_3g