รวบพี่สะใภ้ ฝังอำพรางศพหลาน 2 ขวบ ก่อนหนีข้ามจังหวัด อ้างเด็กจมน้ำดับ กลัวความผิด

อาชญากรรม

รวบพี่สะใภ้ ฝังอำพรางศพหลาน 2 ขวบ ก่อนหนีข้ามจังหวัด อ้างเด็กจมน้ำดับ กลัวความผิด

โดย sujira_s

23 มิ.ย. 2564

294 views

จากกรณีที่ น.ส.สุรินทร์ แอบเสมา อายุ 30 ปี ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าลูกสาว 2 คน น้องโมเดลอายุ 4 ขวบ กับน้องนาเดียร์ 2 ขวบ ถูกพี่สะใภ้ พาหลบหนีไป 7 วันแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ เกรงว่าลูกทั้ง 2 คนจะเป็นอันตราย ได้เข้าแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 64


ต่อมาวันที่ 22 มิ.ย.64 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สามารถติดตามจับกุมตัว ได้ที่บ้านเช่า หมู่ 7 ต.บึงสามพัน อ.บึงสามพัน พร้อมเด็กหญิง อายุ 12 ปี (ลูกของนางเจี๊ยบ) และหญิงวัยเด็ก 4 ขวบ จากการสอบถามนางเจี๊ยบ ให้การว่า ตนเองเป็นผู้เลี้ยงดูลูกของ น.ส.สุรินทร์ อยู่ที่บ้านพักในเขต ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 06.00 น. เด็กทั้งสอง ได้เล่นน้ำในวงบ่อท่อซีเมนต์ แล้วน้องนาเดียร์ ได้จมน้ำเสียชีวิต โดยรับสารภาพว่าได้ฝังศพไว้ที่บริเวณไร่อ้อย ม.2 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ก่อนขับรถหลบหนีไปพักอยู่ที่ห้องเช่าดังกล่าวพร้อมกับเด็กหญิง 2 คน


ต่อมา พ.ต.อ.ชูเกียรติ ภูกาบพลอย รองผู้บังคับบการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี รักษาราชการแทน ผกก.สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจชุดสืบสวนและหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างราชบุรี เข้าค้นหาร่างหนูน้อยในไร่อ้อยตามที่นางเจี๊ยบ สารภาพนำศพหลานมาฝังไว้ ท่ามกลางความเสียใจของผู้เป็นแม่ร้องไห้ตลอดเวลา


การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากพื้นที่กว้าง ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถหาจุดที่ฝังร่างของน้องนาเดียร์เจอ โดยนายวรยศ มณีแจ่ม อายุ 15 ได้มาช่วยกันหา พบกองดินลักษณะพึ่งฝังกลบใหม่ บริเวณใต้ต้นก่อไผ่ในไร่อ้อยตามที่นางเจี๊ยบให้การ จึงได้ลองขุดคุ้ยดูจนเห็นกระสอบ และแจ้งให้ชาวบ้านมาดู


เมื่อเจ้าหน้าที่ขุดดินลึก 30 เซนติเมตร มีกลิ่นศพโชยขึ้นมามั่นใจว่าจะต้องเป็นศพเด็กแน่นอน เมื่อนำกระสอบขึ้นจากหลุมดิน เมื่อแกะออกดูพบร่างเด็กอยู่ในถุงสีดำ 2 ชั้น ห่อด้วยผ้าขนหนูลายลูกไม้ ถูกยัดใส่ถุงดำและกระสอบปุ๋ยสีขาวมัดด้วยเชือกฝังดิน สภาพศพเริ่มขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ


โดยผู้เป็นแม่จำได้เป็นลูกของตัวเองร่ำไห้แทบขาดใจ และได้จุดเทียน 1 เล่น ธูป 1 ดอก พร้อมทั้งนำนมกล่องและน้ำดื่มวางข้างหลุมดินให้น้อง พูดบอกว่า “แม่นำนมกับน้ำมาให้นะลูก มากินนมนะลูกนะ กลับไปอยู่กลับแม่นะลูก” แม่อยากจะบอกลูกว่า “แม่ขอโทษที่ดูแลหนูไม่ดี” จากนั้นเจ้าหน้าที่นำศพขึ้นมาจากหลุมส่งชันสูตร


แม่ของเด็ก เผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ นางเจี๊ยบ ติดต่อมาพร้อมขอโทษ และเล่าเหตุการณ์ว่า น้อง 2 ขวบเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.แล้วจากการจมน้ำระหว่างที่นางเจี๊ยบ ออกไปซื้อฟางให้วัว ส่วนลูกสาวคนโต อายุ 4 ขวบปลอดภัยดี ด้วยความตกใจและกลัวความผิด จึงนำร่างใส่กระสอบขึ้นรถจักรยานยนต์พ่วงข้างไปฝังในไร่อ้อย แล้วพาหลาน 4 ขวบ กับลูกสาวตัวเอง ขี่รถจักรยานยนต์ไปเรื่อย ๆ จนรถมาเสียที่ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์


นางเจี๊ยบ บอกกับแม่ของเด็กว่า “มันเป็นความผิดเอง พี่ทำใจไม่ได้ เดี๋ยวพี่มอบตัวกับตำรวจ พี่ขอโทษ พี่ไม่อยากให้มันเป็นเเบบนี้ พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง มันเป็นความผิดของพี่เอง พี่ปั๊มหัวใจ พี่นอนเฝ้าทั้งคืนเลย เช้ามาเขาก็ไปเเล้ว” แม่เด็กถามย้ำว่าทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล นางเจี๊ยบ บอกว่า “พี่กลัว”


แม่ของเด็ก เผยว่าที่ผ่านมาตนเลิกรากับสามีและไปทำงานรับจ้างอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยฝากลูกสาว 2 คนคือโมเดล อายุ 4 ขวบ (ลูกครึ่งอังกฤษ) กับ น้องนาเดียร์ อายุ 2 ขวบ ไว้กับนางเจี๊ยบ อดีตพี่สะใภ้ อยู่บ้านพักหมู่ 2 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ตั้งแต่ลูกทั้งสองยังเล็ก ซึ่งพี่สะใภ้เองก็ได้เลิกรากับพี่ชายตนไปเมื่อ 2 ปีก่อน และมีลูกสาว 1 คน อายุ 12 ปี ปัจจุบันพี่สะใภ้อาศัยอยู่กับลูกสาวและหลานสาวรวม 4 คน


ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนจ้างพี่สะใภ้เลี้ยงลูก 2 คน เดือนละ 4,000 บาท และตนก็จะโทรคุยกับลูกทุกวัน เมื่อมีเวลาตนก็จะกลับไปเยี่ยมลูกอยู่บ่อย ๆ กระทั่งเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนติดต่อลูกสาวไม่ได้ โทรหาพี่สะใภ้ก็ไม่ติด จึงได้รีบเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปบ้านพี่สะใภ้ที่ราชบุรี ก็พบว่าพี่สะใภ้พาลูกสาวตัวเองและลูกสาว 2 คนของตนหายไป และไม่สามารถติดต่อพี่สะใภ้ได้ ตนเกรงว่าลูกทั้ง 2 คน จะเป็นอันตราย ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยลงรูปภาพและข้อมูลของลูกสาวเพื่อประชาสัมพันธ์ ให้พี่สะใภ้นำลูกกลับมาคืน


น.ส.สุรินทร์ แม่ของเด็กกล่าวต่อว่า ตนได้ทราบข้อมูลจากนายตี๋ คนที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกับบ้านพี่สะใภ้ เล่าให้ฟังว่าว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.พี่สะใภ้ได้โทรมาหานายตี๋ และบอกว่า ด.ญ.ธาราลักษ์ อายุ 2 ขวบ ลูกสาวคนเล็กของตนจมน้ำ และพี่สะใภ้ได้พาเด็กไปส่งที่ รพ.โพธาราม แพทย์อยู่ระหว่างปั๊มหัวใจ ก่อนที่พี่สะใภ้จะตัดสายไป


จากนั้นไม่นานพี่สะใภ้ ก็ได้โทรกลับไปมาหานายตี๋ อีกครั้ง แจ้งว่า ด.ญ.ธาราลักษ์ ฟื้นแล้ว และก็วางสายไปเลย จากนั้นนายตี๋ ก็ไม่สามารถติดต่อพี่สะใภ้ได้อีกเลย ไม่ทราบว่าพี่สะใภ้พาลูกตนไปอยู่ที่ไหน และไม่ทราบเหตุผลที่พี่สะใภ้พาลูกของตนหายไปเพราะไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน


ด้านนายโย อายุ 34 ปี พ่อของเด็กที่เสียชีวิต เผยว่า เเฟนผมเชื่อใจคนชื่อเจี๊ยบไว้ใจให้ดูเเล เป็นญาติพี่น้องโตมาด้วยกัน ต่อหน้าเราเขาทำดี มีเเต่คนมาบอกเเต่ไม่กล้าบอกเต็ม ๆ ว่า เขาดูเเลลูกไม่ดี ทำไมให้มาดูเเล ตอนนี้คิดไว้หลายอย่าง ว่าลูกเราอาจจะจมน้ำเอง ต้องรอตำรวจตรวจสอบอีกที “ผมไม่รับคำขอโทษ ผมไม่ให้อภัย ยากบอกลูกว่า ค่อยมาอยู่ด้วยกันใหม่นะลูก หากไม่จมน้ำตายเองจริงหรือมีคนทำให้ตาย ผมก็คงเสียใจและจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”


ด้าน พ.ต.อ.ชูเกียรติ ภูกาบพลอย รองผู้บังคับบการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า เจ้าหน้าได้ไปรับตัวนางเจี๊ยบ จากเพชรบุรณ์กลับมาที่ สภ.โพธาราม หากผลชันสูจน์พลิกศพพบว่าตายผิดธรรมชาติ ก็จะตั้งข้อหาเพิ่ม แต่ถ้าจมน้ำเสียชีวิตตามที่นางเจี๊ยบกล่าวอ้าง ก็ว่ากันไปตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ต้องอยู่ที่การแจ้งความของทางพ่อและแม่ด้วย เบื้องต้นตั้งขอหา ซ่อนเร้นอำพรางศพไว้ก่อน ส่วนเด็กเจ้าหน้าประสานให้ญาติมารับกลับไปอยู่ด้วย


โดยนางรุ้งลาวัลย์ พุ่มบัว หรือเจี๊ยบ ให้การกับตำรวจอ้างว่า ตนเองมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัว ส่วนเด็กลูกครึ่งทั้ง 2 คน ตนเองก็รับจ้างเลี้ยง เพราะเป็นลูกสาวของญาติตนเอง และที่ผ่านมาก็รักเด็กทั้ง 2 เหมือนลูก แต่เหตุการณ์ วันที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 14.30 น. ตนเองได้ขับรถออกไปซื้อฟางเพื่อจะมาให้วัว โดยปล่อยให้เด็ก วัย 2 ขวบ และ 4 ขวบ เล่นอยู่กับลูกสาว วัย 12 ขวบของตน


ตนขับรถกลับมาบ้าน ในเวลา 14.50 น.เมื่อมาถึงลูกสาววัย 12 ขวบ ของตนได้บอกว่า น้องวัย 2 ขวบ ได้จมน้ำอยู่ในบ่อ ลักษณะนอนคว่ำหน้าอยู่ในบ่อวงซีเมนต์ ที่มีน้ำอยู่ประมาณ 40 เซนติเมตร โดยน้องวัย 4 ขวบ อีกคน คนขึ้นมาจากการเล่นน้ำแล้ว ส่วนช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ลูกสาวกำลังเดินไปแก้เชือกวัวที่ล่ามเอาไว้ จึงไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ตนจึงนำตัวน้องวัย 2 ขวบ ขึ้นจากวงซีเมนต์ โดยมีน้ำไหลออกมาจากปากและจมูก จากนั้นจึงเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ป้อนนม ตามปกติ เช้าวันที่ 16 มิถุนายน 2564 เวลาประมาณ 06.00 น. ตนเห็นน้องมีอาการตัวแข็ง เข้าใจว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ประกอบกับกลัวความผิด จึงไม่ได้บอกใคร โดยนำผ้าห่มมาห่อน้องแล้วห่อด้วยถุงดำ ถุงปุ๋ยสวมทับ เอาขึ้นรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง พร้อมจอบออกจากบ้านพัก เข้าไปในป่าอ้อย ใกล้กับแนวรั้วกำแพงกระเบื้องมุ่งหลังคา ห่างจากบ้านพักปะมาณ 1 กิโลเมตรครึ่ง


จากนั้นทำการขุดฝังร่างของเด็กวัย 2 ขวบ หลังเกิดเหตุได้พาลูกสาว พร้อมเด็กหญิงวัย 4 ชวบ ขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไปเรื่อย ๆ แวะพักตามรีสอร์ท โดยมีเงินติดตัว 4 พันบาท และไปเช่าบ้านพักแห่งหนึ่ง ต.บึงสามพัน อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์


จากนั้นทำการขุดฝังร่างของเด็กวัย 2 ขวบ หลังเกิดเหตุได้พาลูกสาว พร้อมเด็กหญิงวัย 4 ชวบ ขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไปเรื่อย ๆ แวะพักตามรีสอร์ท โดยมีเงินติดตัว 4 พันบาท และไปเช่าบ้านพักแห่งหนึ่ง ต.บึงสามพัน อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์


ตนก็ตอบอะไรมากไม่ได้เพราะไม่เห็นเหตุการณ์ มันไม่น่าทำแบบนี้เลย เสียใจที่ลูกไม่ยอมบอก ช่วงเช้าวานนี้(22 มิ.ย.) เจี๊ยบโทรมาหาตนร้องไห้ บอกว่า “พ่อหนูผิดไปแล้วขอโทษด้วย ตอนนี้มอบตัวอยู่โรงพักที่เพชรบูรณ์” ตนจึงตอบกลับไปว่า “มึงจะมาขอโทษอะไรตอนนี้ มึงผิดไปแล้ว”


นายรัชพล รวพิมล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ เล่าว่า ตนดูแลพื้นที่ ได้เข้าไปคัดกรองโควิด-19 ตามนโยบายจังหวัด ว่าบุคคลที่มาจากต่างจังหวัด จะต้องกักตัว 14 วัน ได้สอบถามข้อมูล ชื่อนามสกุล มาจากไหน มากี่คน เพื่อทำประวัติไว้ เห็นชื่อคุ้น ๆ ตามข่าวว่าลักพาตัวเด็ก นางจี๊ยบยอมรับสารภาพ ก่อนแจ้งตำรวจท้องที่มาควบคุมตัว


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XDjBFPTRxIg

คุณอาจสนใจ