เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 17 มิถุนายน 64 ที่สำนักงานทนายความอาสา ภายในศูนย์การค้าบางใหญ่ซิตี้ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี นางสาวพรพรรณ คงเพชร อายุ 42 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้งประธานชมรมทนายความจิตอาสา เพื่อขอให้ช่วยเหลือตามทรัพย์สินของตนเองที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไป ระหว่างตัวเองถูกจองจำอยู่ในเรือนจำคดียาเสพติด หลังพ้นโทษออกมาได้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีคือพ.ต.ท.นพดล สามารถ ที่สน.บางนา แต่ไม่พบทรัพย์สินที่ถูกยึดไปในวันเกิดเหตุและยังไม่พบรายการทรัพย์สินดังกล่าวลงบัญชีไว้ในสำนวนคดีของตนเลย

นางสาวพรพรรณกล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 58 ตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา จับกุมตัว โดยเพื่อนตนซัดทอดว่าตนร่วมด้วยในคดี มียาเสพติดยาไอซ์ จำนวน 3 กรัม ทั้งๆที่ตนไม่ได้ครอบครองหรือจำหน่ายแต่อย่างใดเลย แต่ยอมรับว่า เสพยาจริงในวันนั้นและถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี และได้ลดหย่อนผ่อนโทษติดจริง 3 ปีกว่า

โดยพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 63 หลังจากนั้นตนเอง ได้ไปที่ สน.บางนา เนื่องจากทรัพย์สินส่วนตัวที่ตำรวจยึดไปในวันนั้นเป็นทรัพย์สินที่ตนเองหามาได้จากการทำงาน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลยแต่อย่างใด

นางสาวพรพรรณเล่ารายละเอียดว่า วันที่ตนถูกจับกุมตัวตำรวจได้ขอยึดของกลางคือรถยนต์เก๋ง Honda รุ่น Civic มูลค่ากว่า 5 แสนบาทในปีนั้น สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทพร้อมพระปิดตาเลี่ยมทอง สร้อยข้อมือหนัก 1 บาท แหวนทองคำขาว ราคากว่า 10,000 บาท นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ Kiss ราคา 24,000 บาทโทรศัพท์ Samsung รุ่น A7 ราคากว่า 10,000 บาท รวมทรัพย์สินทั้งหมดหลายแสนบาท

เมื่อตนไปเดินเรื่องขอหลักฐานทั้งหมดคืนกับ พ.ต.ท.นพดล สามารถ ก็ไม่เจอตัว ทราบจากตำรวจด้วยกันว่านายตำรวจคนดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 62 ตนจึงพยายามติดต่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่อยมาเพราะอยากได้ทรัพย์สินคืนจนได้รับคำชี้แจงจากทางผู้กำกับสน.บางนา พร้อมทั้งเรียกตัวนายตำรวจชุดที่จับกุมตนเองในวันนั้นมาสอบถามเรื่องราวและพบว่ารถยนต์ของกลางของตน

ปัจจุบันมีนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอกคนหนึ่งของโรงพัก เอาไปใช้ส่วนตัวหลังสารวัตรเจ้าของคดีเสียชีวิต ส่วนของกลางจำพวกมือถือโทรศัพท์ สร้อยคอทองคำ ที่ตรวจยึดในวันที่ตนเองถูกควบคุมตัว ไม่พบเจอแต่อย่างใด มีเพียงรถยนต์ เท่านั้นที่ตรวจสอบได้

หลังจากนั้น ตนเองก็พยายามเดินเรื่อง ไปๆมาๆๆระหว่าง สน.บางนา กับ ปปส.โดยตำรวจ สน. บางนา อ้างว่าให้ไปสอบถามจากทางตำรวจปราบปรามยาเสพติด พอตนไปที่ปปส. ก็บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ส่งเรื่องมาให้เลยให้ไปติดต่อที่ สน.บางนาเอง จนกระทั่งไฟแนนซ์รถยนต์คันดังกล่าว มาติดต่อขอยึดรถคืนเนื่องจากขาดผ่อน

ตนเองต้องติดตามทรัพย์สินรถยนต์และเครื่องใช้ข้าวของของตนที่ถูกยึดไปในวันนั้นตลอดมาและสุดท้ายจึงพบว่ารถยนต์ฮอนด้าคันดังกล่าวถูกถอดแผ่นป้ายทะเบียนและถูกนำไปซ่อมอยู่ที่อู่รถแห่งหนึ่งย่านบางนาโดยมีนายตำรวจของสน.บางนา ยศ ร.ต.อ.รับช่วงเอามาใช้ต่อจากสารวัตรเจ้าของคดีที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว

เบื้องต้นแจ้งไปที่ไฟแนนซ์เจ้าของรถ จึงมีการเดินเรื่องจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยินยอมคืนรถคันดังกล่าวให้กับเจ้าของไฟแนนซ์ไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนตนยังไม่สามารถติดตามทรัพย์สินที่เหลือกลับมาได้เลยทั้งๆที่ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่ตนหามาได้ด้วยความสุจริตมิได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่ประการใดตนยอมรับว่าตนเคยเสพยาจริงแต่ไม่เคยค้ายาเสพติดแต่กลับถูกเพื่อนซักทอดหาว่าร่วมกันค้าด้วย

ซึ่งตนเองไม่รู้เรื่องเลยเพื่อนตนบอกว่าตำรวจชุดจับกุม สั่งให้บอกเพื่อนตนว่ามีใครรู้เห็นบ้างเพื่อนตนระบุมาจะได้รับโทษน้อยลง เพื่อนคนนี้ที่สนิทกันรักกันก็ซัดว่าตนเองร่วมด้วยทั้งทั้งที่ตนเองเป็นเพียงผู้เสพ แต่เรื่องราวก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ตนก็พ้นโทษออกมาแล้ว แต่สิ่งที่ยังติดใจคาใจอคือทรัพย์สินตน จำนวน หลายรายการ มูลค่ากว่าแสนบาท อันตธานหายไปไหนหายไปได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจทำไมไม่นำมาคืนตนเอง เพราะตนเองก็ยังเดือดร้อนหางานทำไม่ได้เลยในปัจจุบันด้วยติดสถานการณ์โควิด อย่างน้อยก็จะได้เป็นทุนนำไปทำมาค้าขายได้บ้าง

ทางด้านทนายโป้ง กล่วว่า เบื้องต้นเท่าที่ตรสจสอบเอกสารหลักฐานของผู้เสียหาย พบว่าคงตามทรัพย์คืนไม่ยาก ส่วนที่บอกว่านายตำรวจเจ้าของคดีเสียชีวิตไปแล้วนั้น เราเองก็ต้องตรวจสอบว่าเสียชีวิตจริงหรือเปล่า ุถ้าเสียชีวิตไปแล้วตำรวจคนไหนรับช่วงดูแลต่อ สัปดาห์หน้าจะให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องต่อ ผบ.ตร.เพื่อให้จเรตำรวจลงมาตรวจสอบว่าทรัพย์สินทั้งหมดหายไปได้อย่างไร ทำไมต้องมีการโยนกันไปโยนกันมาระหว่างตำรวจ กับ ปปส. เรื่องนี้ต้องตรวจสอบและหาคำตอบให้ผู้เสียหายให้ได้