จากกรณี ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี พร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน และกู้ภัย เข้าตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง ในตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี หลังได้รับแจ้งจากนายคงฤทธิ์ หวาดด้วงดี ว่าน่าจะมีคนเสียชีวิตในสภาพถูกโบกปูนปิดทับอยู่ภายในห้องนอน และมีกลิ่นเหม็นลอยคละคลุ้ง ซึ่งพบขณะกำลังเตรียมไปซ่อมแซมบ้าน จึงคาดว่าอาจเป็นศพของนายไพโรจน์ พรหมเมืองเก่า หรือเสี่ยหมี อายุ 55 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อตา ที่หายออกจากบ้านไป ตั้งแต่วันที่ 22 เมษยน

ที่เกิดเหตุพบกองปูนซีเมนต์ถูกโบกติดกับพนังห้อง มีบานประตูกั้นไว้อีกฝั่งโดยใช้เก้าอี้ดันไม่ให้ล้ม สันนิษฐานว่าไม่ให้ปูนไหลขณะเททับร่าง เจ้าหน้าที่จึงใช้ชะแลงงัด และฆ้อนทุบออก พบศพเพศชายถูกห่มด้วยผ้าห่ม สวมกางเกงยีนขายาว มีเข็มขัดคาดเอว ไม่ใส่เสื้อ สภาพศพเปื่อยยุ่ย จนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นนายไพโรจน์ ตามที่ลูกเขยคาดการณ์หรือไม่ ก่อนจะนำศพส่งไปชันสูตรให้แน่ชัด

นอกจากนี้ยังพบกระบะผสมปูนวาง รวมถึงพบถุงปูนซีเมนต์อีก 2 ถุงวางในตัวบ้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอุปรณ์ที่คนร้ายใช้กระทำการในวันก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึด พร้อมกับนำหลักฐานอีกหลายอย่าง ที่ไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยงไปถึงผู้ก่อเหตุ

น้องชาย และญาติๆ ของนายไพโรจน์ เล่าว่า พี่ชายเป็นคนเจ้าชู้ มีภรรยาหลายคน มักจะเดินทางไปตามที่ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา รวมถึงจะหาไปหาภรรยาอีกคนที่ ฝั่งลาว ทำให้ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือน คนในครอบครัวไม่ได้ระแคะระคายว่าจะถูกฆ่า และโบกปูนอำพรางศพไว้ในบ้าน ส่วนปมเหตุไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่ก่อนหน้านี้เคยมีภรรยาของพี่ชาย ชื่อเพ็ญ พาคนมาทวงรถคันที่ซื้อให้กับพี่ชายคืน แต่ว่าพี่ชายได้ขายไปก่อนหน้านี้

ต่อมา ตำรวจคุมตัวคนใกล้ชิด ซึ่งอยู่บ้านติดกับนายไพโรจน์มาสอบปากคำ ทุกคนยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติ แต่จากการสอบถามนายอานุภาพ หรืออาร์ม อายุ 29 ปี ลูกของน้องชายนายไพโรจน์ ซึ่งตำรวจได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นดี อ้างว่าพบเห็นนายไพโรจน์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ และเมื่อช่วงวันที่ 21-22 เมษายน มีการพูดคุยถึงงานรับเหมาติดตั้งกระจกให้กับลูกค้าในราคา 90,000 บาท

ซึ่งนายไพโรจน์ไปรับเงินมัดจำมาก่อน 70,000 บาท แต่ไม่ไปติดตั้งกระจกให้กับลูกค้า ทำให้ตนเองต้องไปรับงานต่อจนแล้วเสร็จ โดยนายอาร์ม ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับเสียชีวิตของลุง และไม่รู้ว่าใครเป็นคนก่อเหตุ จากนั้นตำรวจเค้นสอบปากคำนายอาร์ม กระทั่งยอมรับสารภาพว่า เป็นคนฆ่าลุงของตัวเองแล้วโบกปูนทับจริง

ล่าสุดเมื่อเช้านี้ ตำรวจได้คุมตัวนายอาร์มไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังบ้านจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งจุดนี้นายอาร์มได้ทะเลาะกับนายไพโรจน์ เรื่องทวงหนี้เงินค่าจ้างรับเหมา เป็นเงิน 30,000 บาท แต่นายไพโรจน์ไม่ให้จึงได้โต้งเถียงกัน ก่อนจะบันดาลโทสะ ใช้ไม้ฟาดหลายทีจนเสียชีวิต ก่อนจะนำศพไปไว้ที่ห้องนอน และซื้อปูนซีเมนต์มาก่อทับร่าง เพื่ออำพรางความผิด

โดยไปที่ร้านขายวัสดุก่อสร้างใกล้บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งนายอาร์มได้ขับรถมาซื้อปูนซีเมนต์ไป 2 ถุง ประมาณวันที่ 23 เมษายน จากนั้นไม่เคยกลับมาที่ร้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะแวะมาซื้อปูน ดิน ทราย จากที่ร้านเพื่อนำไปใช้กับงานก่อสร้างเป็นประจำ

แม้ผู้ต้องหาจะรับสารภาพในเบื้องต้น แต่ยังคงต้องรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบ รวมถึงผลชันสูตรศพว่า ใช่นายไพโรจน์จริง รวมถึงขยายผลเพิ่มเติมว่ามีคนอื่นร่วมก่อเหตุ หรือรู้เห็นด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ยังพบข้อมูลอีกว่า หลังจากนายไพโรจน์หายตัวไป นายอาร์มได้นำรถเก๋งของนายไพโรจน์ ไปขายให้กับคนรู้จัก ในราคา 20,000 บาท