ที่ประชุมสภา มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ในวาระที่ 1 เรียบร้อยแล้ว หลังจากอภิปรายกันมาอย่างดุเดือด 3 วันเต็ม

โดยที่ประชุมได้ลงมติในช่วงเกือบเที่ยงคืน เมื่อคืน โดยมีมติด้วยเสียงข้างมาก รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเห็นด้วย 269 คน ไม่เห็นด้วย 201 คน งดออกเสียง 2 คน

ถ้าเทียบจากจำนวนเสียงของฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ซึ่งปัจจุบันมี ส.ส.รัฐบาล 270 คน ส.ส.ฝ่ายค้าน 212 คน ก็คาดว่า ส.ส.พรรคภูมิใจ ก็น่าจะโหวตให้ความเห็นชอบด้วย

ซึ่งก็เป็นไปตามที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เหน็บ ส.ส.รัฐบาลไปก่อนหน้านี้ ว่า "อภิปรายอย่างราชสีห์ แต่ลงคะแนนอย่างหนู" พร้อมเรียกร้องให้ ส.ส.ฝั่งรัฐบาล มาร่วมกันคว่ำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ ฉบับนี้

ซึ่งเมื่อคืน นายภราดร ปริศนานนัทกุล ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ก็โพสต์เฟซบุ๊กยอมรับ โดยบอกว่า เขาบอกพวกผมอภิปรายอย่างราชสีห์โหวตอย่างหนู!!! ใช่ครับ!! และลงท้ายใส่แฮชแท็กว่า ผมโหวตอย่างหนู_จะให้ผมโหวตอย่างทิม_คงไม่เอาครับ

สำหรับคอการเมืองก็คงจะทราบว่า 'หนู' เป็นชื่อเล่นของนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายภราดร ได้ชี้แจงถึงเหตุผลในการโหวตรับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ โดยสรุปว่า ที่ตนอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำงบประมาณ ก็เพื่อให้เกิดการแก้ไขข้อบกพร่องให้ดีขึ้น และลงท้ายว่า การทำหน้าที่ผู้แทน_ผมมีหน้าที่วิพากษ์เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง_ไม่ใช่วิพากษ์เพื่อนำไปสู่ความพินาศ

ที่ต้องโฟกัสที่ภูมิใจไทย เพราะ 3 วันที่ผ่านมา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ดาหน้ากันออกมาอภิปรายถล่มการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลกันเป็นแถว โดยเฉพาะงบกระทรวงสาธารณสุข ที่มีการเปรียบเทียบว่าเหมือนให้ไปทำสงคราม แต่ไม่ให้อาวุธ แถมมีการพูดทำนองชวนให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถอนตัวจากรัฐบาลด้วย

ซึ่งก็ทำให้นายกรัฐมนตรีออกอาการไม่ค่อยแฮปปี้ให้เห็น เช่นมีการจับสังเกตว่าระหว่างนายอนุทิน ลุกขึ้นชี้แจงในสภาวันก่อน นายกฯก็เดินออกจากห้องประชุมทันที

รวมถึงมีรายงานข่าวว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวาน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปรารภเชิงตัดพ้อน้อยใจ กรณีมี ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำงบประมาณว่า "ขอให้ช่วยๆกัน ตรงไหนเกี่ยวข้องก็ให้ช่วยเร่งตอบ ปากก็ว่าโอเค แต่ปล่อยให้ลูกพรรคซัดโครมๆ"

และนายกฯก็พยายามชี้แจงในสภาหลายรอบว่า ขอให้ดูงบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขอื่นด้วย เช่น กองทุนหลักประกันสุขภาพกองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน กองทุนภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ยืนยันว่าเมื่อรวมกันแล้วงบด้านสาธารณสุขมีมากกว่างบกลาโหม รวมทั้งสิ้น 295,681 ล้านบาท

ซึ่งจากเอกสารงบประมาณ ถ้าเราเอาตัวเลขงบฯของกระทรวงสาธารณสุข กับสำนักานหลักประกันสุขภาพ หรือ สปสช. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องบัตรทอง ก็จะมีตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่นายกฯบอก คือรวมกันก็จะได้ 2.9 แสนล้าน

แต่ถ้าดูจากท่าทีนายกฯ หลังเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อคืน ก็น่าจะบอกได้ว่ายกนี้น่าจะแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะตอนนายกฯเดินออกมามีนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินออกมาด้วย และนายกฯก็ทักทายและให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี

สำหรับขั้นตอนการพิจารณางบประมาณ หลังจากผ่านวาระ 1 ไปแล้วเมื่อคืน ขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณาวาระ 2 ซึ่งกำหนดไว้ในช่วง 7 มิ.ย. - 12 ส.ค. ไปจนถงการพิจารณาวาระสาม ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม จากนั้นก็จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา และนำขึ้นทูลเกล้าฯประมาณเดือนกันยายน

และในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณนี้ในวาระที่ 2 ก็มีรายชื่อที่น่าสนใจ เช่น ในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ มีชื่อ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว รวมทั้ง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ มาเป็นกรรมาธิการด้วย

ส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็มีทั้ง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ และ นายภราดร ปริศนานันกุล ผู้ที่ร่วมอภิปรายโจมตีการจัดสรรงบประมาณ มาร่วมเป็นกรรมาธิการ