นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้ส.ส.คว่ำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 แล้วนำกรอบงบประมาณปี 2564 มาใช้ไปพลางก่อน ซึ่งจะทำให้กระทรวงสาธารณสุขได้งบประมาณเพิ่ม 4,000 ล้านบาทและกระทรวงศึกษาธิการก็จะได้งบประมาณเพิ่มขึ้น 2.4 หมื่นล้านทันที

พร้อมชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยจะฟื้นหรือฟุ้บลง อยู่ที่การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ พร้อมเสนอแนวทางบริหารงบประมาณในแบบพรรคก้าวไกลในโมเดล "บ้านงบประมาณใหม่ของประเทศไทย" ที่ยึดประชาชนเป็นหลัก สร้างบ้านที่มีรากฐานที่แข็งแรง โดยให้ความสำคัญเริ่มจากกลุ่มเปราะบางของสังคม ซึ่งถือเป็นวิธีคิดอิฐก้อนแรกในการสร้างบ้านที่จะฟื้นฟูประเทศไทย จากนั้นต้องสร้างงานสร้างอาชีพให้ประชาชน ทั้งการเกษตร-จัดการที่ดินทำกิน-ดูแลกลุ่มประกอบธุรกิจSME-กลุ่มแรงงานทุกกลุ่ม

นายพิธา กล่าววว่า หากตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีจะปรับลดภาระผูกพันธ์โครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีจำนวนมากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะบินตรงไปเจรจากับโจ ไบเดนประธานาธิบดีสารัทธ์อเมริกา เพื่อขอยกเว้นภาระผูกพันธ์การจัดซื้ออาวุธทั้งหมด

นายพิธาอภิปรายทิ้งท้ายด้วยว่า การอภิปรายตลอด 3 วันที่ผ่านมาอาจเป็นเพียงลิเกโรงใหญ่ เปรียบเป็นการอภิปรายอย่างราชสีห์แต่ลงคะแนนอย่างหนู ที่พรรคร่วมรัฐบาลเอาไว้ต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง วัคซีน สัมปทาน สร้างตึก หรือโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า

ต่อมา นายภราดร ปริศนานนัทกุล ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ก็โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ว่า “เขาบอกพวกผมอภิปรายอย่างราชสีห์โหวตอย่างหนู!!! ใช่ครับ!! และลงท้ายใส่แฮชแท็กว่า “ผมโหวตอย่างหนู_จะให้ผมโหวตอย่างทิม_คงไม่เอาครับ” สำหรับคอการเมืองก็คงจะทราบว่า “หนู” เป็นชื่อเล่นของนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ก่อนที่นายภราดร จะชี้แจง ถึงเหตุผลในการโหวตรับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ โดยสรุป ว่าที่ตนอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำงบประมาณ ก็เพื่อให้เกิดการแก้ไขข้อบกพร่องให้ดีขึ้น และลงท้ายว่า “การทำหน้าที่ผู้แทน_ผมมีหน้าที่วิพากษ์เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง_ไม่ใช่วิพากษ์เพื่อนำไปสู่ความพินาศ”

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Mj_CnPW8vUs