คดีการเสียชีวิตของเด็กหญิงชมพู่วัย 3 ขวบ อย่างมีเงื่อนงำตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ตอนนี้มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะศาลอนุมัตหมายจับ นายไชย์พล วิภา ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของเด็กหญิงที่เสียชีวิต ใน 3 ข้อหาหนักด้วยกัน และตอนนี้การบันทึกปากคำของพนักงานสอบสวนแล้วเสร็จ แต่ไม่ทันกำหนดเวลาฝากขังที่ศาล ทำให้นายไชย์พล ถูกควบคุมตัวในห้องขังก่อนในคืนนี้ (2 มิ.ย.)

พนักงานสอบสวนนำตัว นายไชย์พล วิภา เข้าห้องคุมขังสถานีตำรวจภูธรกกตูม อำเภอดงหลวง เวลาประมาณ 20.30 น. ที่ผ่านมา (2 มิ.ย.) โดยมีภรรยา และนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความในคดีนี้เดินทางมาด้ว และหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการยืนยันตัวตนแล้ว นายไชยพล ก็ถูกคุมขังในห้องขังทันที ซึ่งจะต้องอยู่นี่ที่ 2 คืน เพราะพรุ่งนี้เป็นหยุดราชการ พนักงานสอบสวนจะนำตัว นายไชย์พล ไปฝากขังต่อศาลอีกครั้งก็คือวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (8 มิ.ย.)

ก่อนหน้านี้ ที่จะถูกคุมตัวมาที่นี่ นายไชย์พล พร้อมภรรยา และทนายความ เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ต้องการไปมอบตัวกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ไม่ได้พบ และถูกนำตัวไป สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับ

จากนั้นก็นั่งเฮลิคอปเตอร์กลับมาที่ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและบันทึกปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมีพลตำรวจโทยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รับมอบตัวและสอบปากคำเบื้องต้น ก่อนจะใช้เวลาอีกราว 3 ชั่วโมง เพื่อบันทึกการสอบปากคำ

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ระบุแต่เพียงสั้นๆ ว่า นายไชย์พล ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ และเมื่อฝากขังที่ศาลไม่ทัน จึงคุมตัวไว้ก่อนเพื่อรอนำส่งวันศุกร์นี้

ทั้งนี้ ข่าว 3 มิติ ให้ความสำคัญคดีนี้ในประเด็นว่า ชีวิตเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตบนเขาที่อยู่ห่างไกลจากบ้านถึง 2 กิโล ในสภาพแวดล้อมสูงชัน ไม่มีความเป็นไปได้ที่เด็กจะเดินไปเอง แต่ใครคือผู้นำพา ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการทำให้ตาย

ตลอด 1 ปีก่อนหน้านี้ ตำรวจพยายามหาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อเชื่อมโยงหาคนร้าย จนกระทั่งตอนนี้ที่ นายไชย์พล ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ทนายความของนายไชย์พล ระบุว่า ตำรวจขอหมายจับจากศาล โดยยึดโยงเรื่องว่านายไชย์พลมีพฤติการณ์จะหลบหนี ซึ่งเขาระบุว่าอาจเป็นเหตุให้ศาลอนุมัติ และเขาไม่เชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างอื่น หรือใหม่กว่าที่เป็นมา ที่จะนำไปสู่การแสดงต่อศาล เพื่อขออนุมัติหมายจับได้

ส่วนภรรยานายไชย์พล ที่เดินทางไปกับนายไชย์พลตลอดวันนี้ ยอมรับว่าเตรียมไว้เช่นกันว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น โดยอ้างว่ากระแสสังคมส่วนหนึ่งก็มองนายไชย์พล เป็นผู้ต้องสงสัย และเมื่อมาถึงขั้นนี้ก็เป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงในศาล ไม่ใช่ในกระแสสังคม

อีกด้านหนึ่ง แม่ของเด็กหญิงชมพู่ และทนายความก็ไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อร่วมยื่นคำคัดค้านการประกันตัว ทั้งในชั้นพนักงานสอบสวนและในชั้นศาล โดยอ้าง3 ประเด็นคือ เกรงจะยุ่งกับพยานหลักฐาน เกรงจะข่มขู่พยาน และเกรงจะหลบหนี