เปิดเส้นทางขบวนการลอบพาแรงงานหนีเข้าไทย ผ่านชายแดนอ.สังขละบุรี เผยแค่ครึ่งเดือน พ.ค.จับได้เกือบ 300 ราย

สังคม

เปิดเส้นทางขบวนการลอบพาแรงงานหนีเข้าไทย ผ่านชายแดนอ.สังขละบุรี เผยแค่ครึ่งเดือน พ.ค.จับได้เกือบ 300 ราย

โดย panwilai_c

14 พ.ค. 2564

40 views

กลุ่มแรงงานต่างด้าว เป็นกลุ่มสำคัญที่มีการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังเกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 ที่จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งล่าสุด นายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ออกมาประกาศจะดำเนินการจับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เพื่อตัดวงจรแพร่ระบาด หลังพบมีการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าวมากขึ้น หนึ่งในเส้นทางที่พบการลักลอบเข้ามา คือที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งในช่วงตั้งแต่เดือนมีนาคม หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ได้จับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองได้มากถึง 927 คน แต่คาดว่าอาจมีการลักลอบไปได้จากขบวนการนำพา ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันติดตามจับกุมและหาแนวทางสกัดกั้นให้ได้


ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ออกลาดตระเวน ติดตามและสกัดกั้น กลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ผ่านทางเส้นทางชายแดนจังหวัดกาญจบุรี โดยเฉพาะที่อำเภอสังขละบุรี ซึ่งมีช่องทางธรรมชาติที่ขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ใช้เป็นเส้นทางหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเส้นทางจากบ้านบ่อญี่ปุ่น รัฐมอญของเมียนมา เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วลวดหนามมาปิดเส้นทางรถไม่ให้ผ่านได้ และต้องเดินลาดตระเวนไปตามแนวป่าไร่อ้อย ที่ถูกใช้เป็นเส้นทางเดินเท้าของแรงงานต่างด้าว หลบหนีด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ที่ด่านน้ำเกริ๊ก ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี เพื่อให้รถยนต์มารับไปส่งลงเรือ ซึ่งพบร่องรอยจุดพักรอ ที่ยังมีขวดน้ำ กล่องอาหาร รองเท้า หน้ากากอนามัย และใบไม้ที่มาใช้ปูนั่ง ไม่น่าจะต่ำกว่า 2 วันเท่านั้น


ซึ่งหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ได้เคยจับกุมแรงงานต่างด้าวกลุ่มหนึ่งจำนวน 32 คน เป็นชาย 13 คน หญิง 19 คน ยอมรับว่าเดินทางมาจากเมืองเมาะละแหม่ง เมืองพะโค เมืองพะอัน ผ่านนายหน้า เพื่อไปทำงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี และนครปฐม โดยต้องจ่ายค่านายหน้าคนละ 12,000-20,000 บาท นัดหมายมารวมตัวกันที่ชายแดนฝั่งอำเภอพญาตองซู ของเมียนมา ก่อนเดินเท้ามาตามชายป่าเพื่อรอคนมารับ


หลังจากเดินลัดเลาะตามป่าแล้ว แรงงานต่างด้าวจะถูกนำพามาเดินข้ามห้วยซองกาเลีย เพื่อขึ้นรถออกจากชายป่า หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ได้จัดกำลังลาดตระเวนตามร่องน้ำ สามารถจับกุมกลุ่มแรงงานต่างด้าวในสภาพที่เปียกปอนริมน้ำได้หลายครั้ง กลุ่มใหญ่สุดมีถึง 75 คน ที่แรงงานคนหนึ่งเปิดเผยด้วยว่า เดินทางมา 2 วัน 2 คืน กินนอนกลางป่า โดยนายหน้าจะส่งคนนำข้าวและน้ำมาส่ง แต่ปกปิดใบหน้า ยึดโทรศัพท์ไม่ให้ถ่ายรูป แต่เมื่อถูกจับกุมไม่พบกลุ่มนำพา ซึ่งแรงงานชาวเมียนมา ยอมรับว่าที่ตัดสินใจเข้ามาเพราะนายหน้าบอกว่าจะใช้เวลาเดินเพียง 40 นาทีเท่านั้น


นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ได้จับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองในพื้นทีจังหวัดกาญจนบุรีได้ 1,100 คน และตั้งแต่เดือนมีนาคม กว่า 2 เดือนที่ผ่านมาจับกุมได้ถึง 927 คน โดยในเดือน มีนาคม จับกุมได้ 244 คน เดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม เพียง ครึ่งเดือน จับได้มากถึง 288 คน โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 26-29 เมษายน เพียง 4 วัน จับกุมได้กว่า 200 คน จนทำให้นายจีระเกรียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ต้องเรียกทุกหน่วยมาหาแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งนอกจากกลุ่มที่เข้ามาทางอำเภอสังขละบุรี จะใช้เส้นทางลงเรือมาทางอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์ มาขึ้นรถยนต์มาตามเส้นทางอำเภอทองผาภูมิ อำเภอไทรโยค ซึ่งบางกลุ่มจะถูกสกัดได้จากเส้นทางเรือ แรงงานส่วนใหญ่ที่พูดไทยได้ เพราะเป็นแรงงานที่ทำงานในไทยมาก่อน กลับบ้านไปจากสถานการณ์โควิดปีที่แล้ว จึงอยากกลับเข้ามาทำงาน แต่ชายแดนไม่เปิดและยังไม่มีการรับแรงงานผิดกฏหมาย ทำให้ต้องตัดสินใจลักลอบเข้ามา อย่างชายคนนี้เขาจะไปรับจ้างกรีดยางที่จังหวัดพังงา


นอกจากนี้นางด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี จะเป็นกลุ่มที่เดินทางมาจากเมืองทวาย ซึ่งรวมตัวมาจากเมืองต่างๆในเมียนมา จ่ายค่านายหน้าหัวละตั้งแต่ 13,000 บาทถึง 20,000 บาทเช่นเดียวกัน ทุกคนยอมรับว่าจากสถานการณ์การเมืองในเมียนมา ทำให้พวกเขาต้องออกมาหางานทำในไทย เมื่อถูกจับกุม ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายเข้าเมือง และกฎหมายป้องกันโควิด-19 เมื่อผ่านการกักตัวตรวจโรคดำเนินคดีแล้วเสร็จก็ถูกผลักดันกลับ


ซึ่งบางคนยอมรับว่าอาจต้องหาทางเข้ามาใหม่ ทำให้พบด้วยว่า มีบางคนถูกจับถึง 2 ครั้งในรอบ 1 เดือนนี้ ล่าสุด พลตำรวจตรีวัฒนา ยี่จีน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 ลงพื้นที่ติดตามจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้


ขณะที่ พลตรีบรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการ กองพลทหารราบที่ 9 กองกำลังสุรีสีห์ และพันเอก ยุทธนา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า และพันเอกเฉลิมพล สังข์ต้อง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ยังคงให้เจ้าหน้าที่ทหารลาดตระเวนปิดช่องทางในการนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในไทยอย่างเต็มที่ด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News