แม่ร้อง ปวีณา ลูกสาว 11 ขวบ เครียดเก็บความลับมาเป็นปี ถูกหนุ่มหื่นข้างบ้านข่มขืนครั้งแรกในบ้านยายก่อนหายไปบวช ครั้งที่ 2 นุ่งห่มจีวรพระมาข่มขืนซ้ำอีก จนเด็กหวาดกลัวไม่กล้าบอกใครและไม่กล้าไปอยู่กับยายอีก ปวีณาประสาน ผกก.สภ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ จับกุมดำเนินคดีแล้ว สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

ศรีสะเกษ-นางศรี อายุ 38 ปี ได้พาน้องหนึ่ง ลูกสาวอายุ 11 ปี (ทั้งสองนามสมมุติ) เดินทางเข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวอาศัยอยู่กับยายใน อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ตนมาทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ

และช่วงเดือน พ.ย.63 ได้ไปรับลูกสาวมาอยู่ด้วย ต่อมาเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ตนมีรายได้ลดลงจึงได้คุยกับลูกว่าจะส่งลูกกลับไปอยู่กับยายที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่ออะไรดีขึ้นตนจะไปรับมาอยู่ด้วยเหมือนเดิม แต่ลูกก็มีท่าทีเครียดเหมือนกังวลใจบางอย่าง

กระทั่งวันที่ 9 พ.ค.64 ขณะที่ตนอยู่ที่ทำงานลูกสาวได้แชทไลน์มาบอกว่าไม่อยากกลับไปอยู่ที่บ้านยายอีก ตนจึงเค้นถามลูกสาวว่าทำไม ลูกเล่าให้ฟังว่า ตอนที่อยู่กับยายได้ถูกนายตั้ม (นามสมมุติ) อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านเข้ามาข่มขืนถึงในบ้านยาย ซึ่งถูกกระทำมาแล้ว 2 ครั้ง

ครั้งแรกช่วงเดือน ต.ค.62 นายตั้ม ได้เข้ามากระทำข่มขืนบริเวณหน้าห้องน้ำในบ้านยาย จากนั้นไม่กี่วันนายตั้มก็ได้ไปบวชเป็นพระและย้อนกลับมาที่บ้านบังคับให้ลูกสาวไปที่บริเวณเพิงจอดรถไถหลังบ้านยาย และลงมือข่มขืนลูกสาวตนทั้งผ้าเหลืองเป็นครั้งที่สอง

ที่ผ่านมาลูกสาวไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครเพราะกลัวนายตั้มมาก ทั้งนี้ตนต้องการดำเนินคดีกับนายตั้ม แต่เกรงว่าหากพาลูกไปแจ้งความแล้วตำรวจจะไม่รับแจ้งเพราะเหตุเกิดมา 1 ปีแล้ว จึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานงานกับตำรวจและให้ความเป็นธรรมด้วย

หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ประสาน พ.ต.อ.สวัสดิ์ ศรีเกษม ผกก.สภ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เพื่อนัดให้นางศรีพาลูกสาวอายุ 11 ปี เดินทางจาก จ.สมุทรปราการ ไปแจ้งความที่ สภ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 11 พ.ค.64 โดยมีเจ้าหน้าที่รับแจ้งความทันที

และส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พร้อมนัดสอบสหวิชาชีพเด็กอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับนายตั้ม ในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี, กระทำอนาจารเด็ก และบุกรุกเคหสถานผู้อื่น

ต่อมาตำรวจ สภ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ นำหมายศาลไปจับกุมตัวนายตั้มได้ที่บ้านพัก สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และตำรวจได้พาตัวนายตั้มไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ โดยนายตั้มได้ยกมือไหว้ขมากับยายเด็กผู้เสียหาย ซึ่งยายโกรธมากและกล่าวว่าจะไม่อภัยเด็ดขาด จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวนายตั้มกลับไปสอบสวนเพิ่มเติม และจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษต่อไป