เข้าสู่วันที่ 6 หลังศบค.ออกประกาศสั่งห้ามพื้นที่ 6 จังหวัดสีแดงเข้ม นั่งกินในร้านอาหาร ให้ซื้อกลับได้แต่ต้องไม่เกิน 3 ทุ่ม คำสั่งนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ ก็เริ่มมีเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการ ที่ตอนนี้กำลังเดือดร้อนหนักจากสภาวะขาดทุน ยอดขายลดลงเกิน 50% และยังต้องจ่ายค่าเช่าเต็มราคา จนบางร้านต้องตัดสินใจเลิกจ้างพนักงาน จึงเรียกร้องขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการเพื่อลดผลกระทบ

เยาวราช เป็นอีกหนึ่งย่านการค้า ที่ต้องปรับตัวสอดรับกับมาตรการของ ศบค. จากตลาดที่คึกคักในช่วงกลางคืน ผู้ค้าร้านอาหาร แผงลอย หาบเร่ พวกเขาต้องเปลี่ยนเวลาลองเปิดขายเร็วขึ้น

ข่าว 3 มิติ พบว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการ พนักงาน ลูกจ้าง สะท้อนตรงกัน คือยอดขายที่ลดลงเกินครึ่ง พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่มีใครที่ไม่กระทบ แต่สำหรับร้านอาหารบางประเภท คำสั่งห้ามนั่งกินมีผลต่อรายได้ชัดเจน หนึ่งในนั้นคือร้านก๋วยเตี๋ยว

เจ้าของร้านข้าวแกง-อาหารตามสั่ง ย่านบางบอน เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบหนัก ที่ผ่านมาขายดีคือช่วงค่ำ แต่หลังจากกทม.ออกประกาศให้ขายได้แค่ 3 ทุ่ม ยอดขายลดลงเกิน 50% และลดลง 70-80% เมื่อเจอคำสั่งห้ามนั่งกินในร้าน สภาวะขาดทุนจากต้นทุนที่สูงกว่ารายรับ ทำให้เขาต้องจำใจเลิกจ้างพนักงานบางส่วนเพื่อพยุงกิจการให้ไปต่อ

6 จังหวัดแดงเข้ม ควบคุมเข้มงวดสูงสุด ตามคำสั่งควบคุมของสบค. ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี และเชียงใหม่ ก่อนหน้านี้ สมาคมภัตตาคารไทย เคยเสนอ 2 ข้อเรียกร้องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อหาตรงกลางร่วมกัน คือ 1.ขอให้ยกเลิกคำสั่ง และให้นั่งกินในร้านได้ถึง 3 ทุ่ม โดยงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำกัดจำนวนคน เว้นระยะห่าง ตามมาตรการสาธารสุข และ 2. ขอให้มีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายย่อย ร้านเล็ก ๆ ที่ขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการนี้