จากกรณีพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ให้แก่ผู้ป่วยตามระดับอาการที่แพทย์ประเมิน ซึ่งกรุงเทพมหานครมีแนวคิดจะให้ยากับผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่มีอาการทันที เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการหนัก แม้ว่ายาจะแพง จะหายากแค่ไหน ผู้ว่ากทม.จะหายามาเองมาให้คน กทม.เอง

ซึ่งจากแนวคิด ทำให้แพทย์หลายฝ่ายออกมาท้วงติงว่าอาจเป็นการใช้ยาเกินความจำเป็น ยาสำรองขาดมือ ไม่เพียงพอใช้กับผู้ป่วยที่จำเป็น และป็นการใช้ยาฆ่าเชื้อที่ไม่สมเหตุสมผล เสี่ยงเกิดเชื้อดื้อยา

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ยืนยันว่า มียาฟาวิพิราเวียร์เพียงพอ แต่ศบค.มีข้อห่วงใยต่อกรณี กทม.เตรียมจะให้ยาฟาวิพิราเวียร์ กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามทุกคน เพราะการได้รับยา จะต้องมีข้อบ่งชี้จากแพทย์ เหมือนกับไข้หวัดที่ไม่จำเป็นต้องได้รับยาทุกคน

ด้าน นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หน.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.จุฬาฯ เห็นว่าควรให้ยาแบบสมเหตุสมผลกับผู้ป่วย เข้าใจว่าผู้ว่าฯกทม.มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหา แต่ควรกระจายยาให้ทั่วถึงผู้ป่วยจะเป็นประโยชน์มากกว่า

ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า ยาฟาวิพิราเวียร์มีเพียงพอ โดยนำเข้ามาแล้ว 2 ล้านเม็ด อยู่ที่ส่วนกลาง 1 ล้านเม็ด อีก 1 ล้านเม็ดกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ และในเดือนพฤษภาคมนี้ จะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นอีก 3 ล้านเม็ด ในอนาคตจะผลิตเองโดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งเพียงพอแน่นอน แต่ต้องนำไปใช้อย่างสมเหตุสมผล

หลังเกิดเสียงท้วงติง ในเวลาต่อมา ผู้ว่าฯกทม.เผยว่า พร้อมรับฟังทุกความเห็น โดยในวันนี้ (5 พ.ค.) กทม.ได้เชิญแพทย์พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายแห่ง รวมถึงแพทย์สภาฯเพื่อให้คำแนะนำขอดุลยพินิจ ก่อนประเมินว่าจะจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้กับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการอยู่ในระดับใด เพื่อช่วยป้องกันติดเชื้อลุกลามหรือมีอาการรุนแรงขึ้นได้

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/OhyT7KOPVAw