เดลิเวอรี่ เป็นทางเลือกของร้านอาหารในการประคองธุรกิจ แต่ผู้ประกอบการบางรายวางแผนที่จะทำเดลิเวอรี่ตั้งแต่ก่อนวิกฤต ทำให้โควิดรอบนี้ทำอะไรเขาไม่ได้มากนัก

ร้านซูชิขั้นเทพ เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19 มาตั้งแต่รอบแรกเมื่อปีที่แล้ว ยาวมาจนถึงรอบ 3 เช่นเดียวกับร้านอาหารอื่นๆ ที่ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องหันไปใช้บริการเดลิเวอรี่ เพื่อเป็นทางรอด

แต่ผลกระทบที่เกิดกับร้านอาหารรายนี้ ไม่สาหัสนัก ตัวเลขรายได้ในปัจจุบันยังเป็นบวกได้ โดยไม่ต้องลดการจ้างงานหรือลดปริมาณสินค้า เพราะตั้งแต่แรกเริ่มธุรกิจ ได้วางระบบร้านแบบเดลิเวอรี่เป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการขายเดลิเวอรี่ ถึง 70% ส่วนหน้าร้านขายเพียง 30% เท่านั้น ทำให้เมื่อมีคำสั่งห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้าน ที่ส่งผลให้ยอดขายหน้าร้านหายไปทันที 70% แต่ยอดเดลิเวอรี่ ซึ่งเป็นรายได้หลัก ยังเพิ่มขึ้นได้ถึง 20% และเมื่อคำนวณกับต้นทุนค่าวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น 30% แล้ว ก็ยังคงยิ้มได้

ทั้งนี้ การส่งอาหารถึงมือลูกค้าที่หน้าบ้าน นับเป็นทางรอดของธุรกิจร้านอาหารที่จะประคองตัวเองในช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้ เลือกที่จะใช้พนักงานส่งอาหารเป็นของตัวเอง เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมคุณภาพ และเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพนักงานอีกด้วย

ทุกวันนี้ 8 สาขาของร้านซูชิขั้นเทพ จะมีพนักงานส่งอาหารสาขาละ 6 คน เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้าโดยที่ไม่ต้องรอพนักงานส่งอาหารจากแพลตฟอร์มอื่นที่ขณะนี้เรียกได้ว่างานล้นมือ แถมยังควบคุมมาตรฐานและคุณภาพของสินค้า โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะต้องคุมเข้มมากขึ้น ที่สำคัญหากเกิดปัญหา ทางร้านจะสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างทันท่วงทีจากระบบฐานข้อมูลที่ร้านได้รวบรวมไว้โดยตรง และยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์ม 30% ซึ่งนำมาเป็นค่าจ้างพนักงานได้

แม้วันนี้ ซูชิ ขั้นเทพ จะประคองธุรกิจอยู่ได้ไม่เดือดร้อนหนัก แต่หากโควิดยังลุกลามยืดเยื้อ ก็ยิ่งทำให้กำลังซื้อหดหาย จากโควิดรอบแรกที่กำลังซื้อยังดี ผ่านมา 1 ปี โควิดถึงรอบ 3 กำลังซื้อหายไปแทบไม่เหลือ ในฐานะผู้ประกอบการพยายามลดราคาอาหารลง 30% ให้สอดรับกำลังซื้อ แต่หากโควิดไม่ได้รับการแก้ไขที่ต้นตอ ก็ยากที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/s5mZcRww7LY