ฉาวอีกแล้ว! ตร.มะกันชอบใจ ดูคลิปยาย 73 ป่วยสมองเสื่อม ถูกจับมัดจนไหล่หลุดขณะถูกจับกุม

ต่างประเทศ

ฉาวอีกแล้ว! ตร.มะกันชอบใจ ดูคลิปยาย 73 ป่วยสมองเสื่อม ถูกจับมัดจนไหล่หลุดขณะถูกจับกุม

โดย pichaya_s

28 เม.ย. 2564

424 views

กลายเป็นเรื่องฉาวอีกแล้ว เมื่อตำรวจสหรัฐนั่งดูคลิปคุณยายวัย 73 ปี ขณะที่ถูกเพื่อนตำรวจเข้าจับกุมด้วยความรุนแรง นั่งหัวเราะชอบใจกัน งานนี้ มีตำรวจ 1 นาย ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ และอีก 2 นาย ถูกคำสั่งย้ายทันที


โดยจากภาพจะเห็นตำรวจ สามนายที่สถานีตำรวจ กำลังนั่งดูคลิปจากกล้องติดตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ซึ่งกำลังจับกุมคุณยายอยู่ โดยทั้งสามหัวเราะเยาะเย้ยกันอย่างสนุกสนาน ขณะตำรวจกำลังจับกุมคุณยาย คาเรน การ์เนอร์ คุณยายวัย 73 ปี ผู้ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม จนถึงกับทำให้คุณยายไหล่หลุด และข้อศอกร้าว


ซาราห์ ชิลเคอ ทนายความครอบครัวการ์เนอร์ ผู้เปิดเผยกล้องวงจรปิดดังกล่าวบอกว่า จ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เอากำปั้นชนกับตำรวจอีกนาย ขณะดูวิดีโอดังกล่าว ขณะที่ นางการ์เนอร์ถูกจับกุม


นอกจากนั้นยัง ได้มีการขยายเสียงการสนทนาของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามนายให้ชัดเจนขึ้น โดยปรากฏเสียง เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งในนั้นพูดว่า “ดังป๊อกแล้วใช่ไหม ได้ยินเสียงดังป๊อกใช่ไหม” ซึ่งหมายถึงไหล่ของนางการ์เนอร์


จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจนายเดียวกันพูดว่า “ฉันชอบน่ะ” และเจ้าหน้าที่นายนี้ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่


ด้าน ทนายความได้ยื่นฟ้องกรมตำรวจเลิฟแลนด์ เพื่อดำเนินคดีชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมนางการ์เนอร์ ซึ่งฝ่าฝืนกฎหมายคนพิการ และได้ทำร้ายร่างกายนางการ์เนอร์อย่างรุนแรง โดยนางการ์เนอร์ไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์ 6 ชั่วโมง ขณะที่คุณยายร้องด้วยความเจ็บปวด


ทั้งนี้ คุณยาย การ์เนอร์ถูกจับกุมขณะเก็บดอกไม้ข้างริมถนน หลังเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตวอลมาร์ตในเมืองเลิฟแลนด์ โดยตำรวจจับนางการ์เนอร์ทุ่มกับพื้น สวมกุญแจมือ คว่ำหน้าลงกับฝากระโปรงรถตำรวจ และใช้เชือกมัดขาด้วยกันจนเลือดออก


ส่วนสาเหตุที่นางการ์เนอร์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ เนื่องจากเข้าไปซูเปอร์มาร์เก็ตวอลมาร์ตและเดินออกมาพร้อมสินค้าอย่างโซดากระป๋องและผงซักฟอกโดยไม่จ่ายเงินเป็นจำนวน 13.38 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 400 บาท เท่านั้นเอง


ทั้งนี้คลิปดังกล่าวกำลังสร้างความโกรธแค้น ให้กับชาวสหรัฐอย่างมาก และยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงการใช้ความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศที่ส่วนใหญ่จะเกิดกับคนผิวดำ แต่ครั้งนี้ไม่เว้นแม้กระทั่งคนผิวขาว

คุณอาจสนใจ

Related News