หอการค้าไทย ประเมิน การยกระดับมาตรการคุมโควิด-19 เข้มข้นต่อเนื่องอีก 2 สัปดาห์ ส่งผลเม็ดเงินหายจากระบบเศรษฐกิจกว่า 80,000 ล้านบาท

โดยนายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ กรณีที่รัฐบาลยกระดับมาตรการคุมโควิด-19 ในพื้นที่ 8 จังหวัดสีแดง ซึ่งมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจคิดเป็นร้อยละ 60 ของจีดีพี

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจจะมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม โดยจะส่งผลให้การใช้จ่ายชะลอตัวลงประมาณร้อยละ 20 ในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนจากนี้ และในระยะ 2 สัปดาห์นี้ จะมีเม็ดเงินหายจากระบบเศรษฐกิจ 80,000 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยวันละ 6,000 ล้านบาท จากเดิมที่ประเมินว่าจะมีเม็ดเงินหายไปราววันละ 3,000 ล้านบาท โดยมองว่ามาตรการกึ่งล็อคดาวน์ในขณะนี้ น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ภายในปลายเดือนพฤาภาคมนี้ จึงยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์เต็มรูปแบบ ที่จะกระทบกับคนหาเช้ากินค่ำ แต่หากจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มทะลุ 3,000 คนต่อวัน ก็อาจต้องหยิบเรื่องการล็อคดาวน์มาใช้ ซึ่งผลกระทบก็จะรุนแรงมากขึ้นด้วย

ขณะที่ผลสำรวจสถานภาพแรงงานไทย ปี 64 นี้ โดยเป็นการสำรวจในกลุ่มแรงงานที่มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาท พบ แรงงานไทยส่วนใหญ่มีรายได้เท่าเดิม แต่รายจ่าย และภาระหนี้เพิ่มขึ้น โดยมีหนี้สินต่อครัวเรือนเฉลี่ยสูงถึง 206,000 บาท ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันแรงงาน ในกลุ่มแรงงานรับจ้างรายวัน ยังกังวลว่าตนเองมีโอกาสตกงานปานกลางถึงมากที่สุด

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/hOu7P6IVUEQ