พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลง ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาด covid-19 รอบที่ 3 ว่ารัฐบาลและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามกำกับดูแลและวางแผน แก้ปัญหาในตลอด 7 วันที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของวัคซีนนั้นล่าสุดได้ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายไปแล้ว ประมาณ 5-6 แสนโดส พร้อมเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกอื่นๆที่ล่าสุดได้มีการเจรจากับทางรัสเซียเพื่อจัดหาวัคซีน สปุตนิก เข้ามาเสริมเพื่อจะได้ฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดได้ โดยคาดว่าภายใน 1 ปีจะสามารถฉีดได้ครบร้อยละ 60 ของเป้าหมายที่วางไว้

อย่างไรก็ตามปัญหาในขณะนี้ ยังคงเป็นการใช้วัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ จึงจะมีการขายให้ในลักษณะรัฐต่อรัฐเท่านั้นไม่สามารถซื้อมาเพื่อจำหน่ายต่อได้ ดังนั้นสิ่งที่พยายามอยู่ในขณะนี้ คือการให้องค์การเภสัชกรรมสามารถสั่งซื้อวัคซีน เพื่อแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลเอกชน หรือ ใครก็ตามที่มีขีดความสามารถ ที่จะจัดหาวัคซีนฉีดเองได้ และขอความร่วมมือบุคลากรทางการแพทย์ ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ให้มาช่วยกันฉีดวัคซีนเมื่อ มีวัคซีนจำนวนมากในพื้นที่ทุกจังหวัด

ขณะที่การแก้ปัญหาและการออกมาตรการต่างๆ คุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาด ตนเองเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องออกมาตรการ ยอมรับการตัดสินใจแบบนตนเจ็บปวด เพราะประชาชนเดือนร้อน ทำอะไรก็ตามต้องคิดถึงคนเหล่านี้ ตนต้องอยู่ตรงนี้ให้ได้ แต่หลายอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริง กรุณาอย่าไปอ่าน ขอให้ฟังรัฐบาล ใครก็ตามโจมตีรัฐบาล โดยหวังผลอะไรก็แล้วแต่ ไม่เป็นผลดีกับประเทศ ถือว่าไม่ร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ปัญหาให้กับประเทศ

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีฝากให้ประชาชน ติดตามว่า ควรจะเชื่อใคร นับถือใครหรือใครที่ควรแก้ปัญหาให้กับท่าน ตนยืนยัน ชีวิตให้คนไทยและประเทศไทยไปแล้ว ต้องทำงานของให้เต็มที่ จนกว่าจะทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ

นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ในขณะนี้ ไม่มีการเคอร์ฟิวส์ ยังไม่ล็อกดาวน์ เห็นใจแต่อาจลดเวลาลงบ้าง เพราะไม่อยากปิดอะไรทั้งสิ้น ปิดมันง่ายนิดเดียว แต่คนเดือดร้อนใครบ้าง ถ้าสมมติเคอร์ฟิวส์ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ต้องมาขึงพืดกัน เจ้าหน้าที่ก็ติดเชื้อไปเยอะ แล้วประชาชนมาผ่านด่านสกัด จะทำให้ติดมากขึ้นไปหรือไม่

อย่างไรก็ตามทุกคนก็ต้องร่วมมือกัน พร้อมยกตัวอย่างในบางประเทศที่ไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือไม่รณรงค์ให้สวมหน้ากากทจะเห็นได้ว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในแต่ละวันเป็นหลักหมื่นคน เสียชีวิตเป็นหลักหมื่นเช่นเดียวกัน ทำให้ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้วกว่า 133 ล้านคน ขณะที่ในอาเซียนเองก็มีประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ ต่อวันนับหมื่นราย ขณะที่ไทย ความรู้สึกแม้จะดูเหมือนมีผู้ติดเชื้อมากในความรู้สึก ซึ่งเรื่องนี้ตนเองไม่ได้บอกว่าการฉีดวัคซีนแล้ว จะปลอดภัยทั้งหมด แต่จะเป็นการเพิ่มภูมิต้านทาน ไม่ได้หมายความว่าฉีดแล้วจะไม่เป็น แต่อย่างน้อยจะมีภูมิต้านทาน ติดเชื้อได้ยากขึ้น ในส่วนของผู้ที่ติดเชื้อยืนยันมียารักษา ส่วนผู้ติดเชื้อเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว จึงยืนยันว่าไทยยังสามารถรักษาผู้ป่วย covid-19 ได้ โดยย้ำว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้ใครเสียชีวิต เพราะมีคนเสียชีวิต ตนก็เสียใจ และคนที่จะเสียใจมากที่สุดก็คือครอบครัว ตัวเองเป็นคนรักครอบครัวจึงรู้ว่าเข้าใจความรู้สึก วันนี้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็รักประชาชนไม่ว่าจะยากดีมีจน ก็ยังรักไม่รักตน ตนก็ยังรัก

นายกรัฐมนตรียังได้ยกคำกล่าวที่ว่า ประเทศไทยเราต้องชนะ เมื่อถึงยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ เมื่อถึงคราวปรึกษางาน ต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม ไม่พูดไร้สาระ ไม่พูดสิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ บิดเบือน ยามมีข้าวมีน้ำก็ต้องการผู้เป็นที่รัก ยามเกิดปัญหาก็ต้องการบัณฑิต

นายกรัฐมนตรียังฝาก เตือนถึงประชาชนที่อาจทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเช่นการชุมนุม ที่รัฐบาลเป็นห่วงเรื่องของการแพร่ระบาด และขอให้ทุกคนติดตามข้อมูลข่าวสารจากรัฐบาลอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือนโจมตีรัฐบาลเพราะไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติและประชาชน

ชมผ่านยูทูบที่ : https://youtu.be/T4EMGSAdSz0