สำนักพระราชวังบัคกิ้งแฮม ได้ออกแถลงการณ์ว่า เป็นเรื่องที่เศร้าสลดอย่างมาก เมื่อ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอเดนเบอระ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบ็ธ ที่ สอง แห่ง สหราชอาณาจักร สิ้นพระชนม์ อย่างสงบ ภายในพระราชวังวินเซอร์ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะมีพระชนมายุ 99 พรรษ

ก่อนหน้านี้ เจ้าชายฟิลิป เสด็จออกจากโรงพยาบาล ไปยังพระตำหนักวินเซอร์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากทรงเข้ารับการผ่าตัดพระหทัย และทรงพักฟื้น ที่โรงพยาบาล นานนับเดือน

นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ ระบุว่า เจ้าชายฟิลิป ทรงเป็นแรงบันดาลในการดำรงชีวิตของคนหนุ่มสาวนับไม่ถ้วน

ทางสำนักพระราชวังบัคกิ้งแฮม สถานที่ราชการ อาคาร สำนักงานต่างๆ ทั่วประเทศ ได้ลดธงลงครึ่งเสา ขณะที่ผู้คนจำนวนมาก ได้พากันวางดอกไม้ ที่หน้าประตูพระราชวังบัคกิ้งแฮม และ วินเซอร์ เพื่อไว้อาลัยให้กับเจ้าชายฟิลิป

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอังกฤษ ได้เรียกร้องให้ประชาชน อย่ารวมตัวกันเป็นกลุ่ม ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด นายน์ทีนในขณะนี้ ขณะเดียวกัน ผู้นำจากทั่วโลก ได้แสดงความเสียใจกับข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์

สำหรับพระราชพิธีศพของเจ้าชายฟิลิป จะจัดขึ้นที่ มหาวิหาร เซ็นต์ จอร์จ ภายในพระราชวังวินเซอร์ ก่อนจะมีพิธีศพ ซึ่งจะไม่ได้จัดแบบรัฐพิธี ตามพระประสงค์ของพระองค์ และจะมีการฝังร่างของพระองค์ที่พระราชวังเซนต์เจมส์ เป็นลำดับต่อไป

เจ้าชายฟิลิป ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ สมเด็จพระราชินีนาถ เมื่อปี 1947 ซึ่งในตอนนั้น ทรงเป็น เจ้าหญิง เอลิซาเบ็ท ทั้งสองพระองค์ ทรงมีพระราชโอรส และ พระราชธิดา รวม 4 พระองค์ ได้แก่ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส มกุฎราชกุมาร , เจ้าหญิงแอนน์ , เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งซัสเซ็กส์

ทั้งสองพระองค์ ทรงเป็นคู่รัก ที่ครองรักกันมายาวนานถึง 73 ปี มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ และเพิ่งจะฉลองครบรอบการอภิเษกสมรสปีที่ 73 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว